ฝึกอบรมแล้วก็ลืม

ฝึกอบรมแล้วก็ลืม

การฝึกอบรมเป็นกิจกรรมหนึ่งที่กระทำอยู่เป็นประจำในแทบทุกหน่วยงาน ลงแรงลงเงินไปกับการฝึกอบรม

ด้วยความหวังว่าพนักงานจะมีฝีมือดีขึ้น การงานก็จะได้ดีขึ้นตามไปด้วย แต่ที่พบกันเป็นประจำคือ ฝึกอบรมกันเยอะแยะ ตอนฝึกก็ดูดี แต่ฝึกแล้วไม่กี่วันก็ลืม ทำไมเราลงเงินลงแรงไปกับการฝึกอบรมเยอะแยะ แต่สุดท้ายก็ลืมเลือน เอาไปใช้ทำงานการไม่ค่อยได้ ทั้งๆ ที่ตอนฝึกก็ดูรู้เรื่องดี วิทยากรแต่ละท่านก็ฝีมือชั้นเซียน ลีลาการบรรยายก็มีลูกเล่นไม่แพ้ทอล์คโชว์ ไม่ใช่การฝึกอบรมที่น่าเบื่อหน่ายแต่อย่างใด

สาเหตุสำคัญที่ฝึกแล้วลืมเร็ว ก็เพราะเราไปฝึกในเรื่องที่ตัวเราเองไม่รู้ว่า จะเอาไปทำอะไรในการงานของเรา เราไปเติมในสิ่งที่เกินเลยจากที่เราต้องการในการทำงาน หรือเติมเร็วเกินไป คือกว่าหน้าที่การงานจะต้องใช้เรื่องที่ฝึกอบรมกันมาก็ต้องอีกหลายปี คนจัดก็มองไกลอยากพัฒนาพนักงานให้เก่งหลายอย่าง เห็นวิทยากรคนไหนโด่งดังก็เชิญกันมาจัดอบรมให้ความรู้ วิทยากรก็ชอบอบรมเรื่องที่อยู่ไกลๆ ตัวพนักงาน เพราะอบรมง่ายและสนุก คำถามยากๆ ไม่ค่อยมี เพราะไกลตัวมากไป เรื่องใกล้ตัวอบรมให้สนุกยากเย็นกว่ามาก และอาจเจอคำถามยากๆ ที่ตอบไม่ได้ เสียหน้าตาวิทยากร

ดังนั้น ถ้าจะเข้ารับการฝึกอบรมอะไรก็ให้ดูแน่ๆ ก่อนว่า เรื่องที่จะฝึกกันนั้น ตัวเราจะเอาไปใช้ทำอะไร ใช้วันนี้ วันหน้า หรืออีกห้าปีสิบปี ถ้าตอบตัวเองไม่ได้ อย่าเสียเวลาไปฝึกอบรมกันเลย เพราะฝึกแล้วไม่กี่วันก็ลืม คนจัดฝึกอบรมก็อย่าไปสนใจวิทยากรผู้โด่งดังเป็นสำคัญ อย่าจัดหัวข้อฝึกอบรมตามคนดัง แต่ให้ดูให้แน่ๆว่า เป็นหัวข้อฝึกอบรมที่เป็นเรื่องใกล้ตัวพนักงานจริงๆ อบรมแล้ววันรุ่งขึ้นเอาไปใช้ได้ทันที

สภาพแวดล้อมในการทำงานทุกวันนี้ เป็นสภาพที่ไม่ได้ทำให้คนทำงานอยากไปฝึกอบรม เพราะทุกวันนี้เราทำงานกันด้วยความเครียด ไม่ใช่แค่เครียดจากการงาน แต่สรรพสิ่งรอบตัววันนี้กดดันกว่าวันก่อนมาก สังคมสร้างความเครียดความกดดัน ความพร้อมในการฝึกอบรมจึงน้อยกว่าแต่ก่อน การจัดฝึกอบรมให้กับคนที่ทำงานท่ามกลางความเครียดเช่นวันนี้ ไม่ง่ายเหมือนวันก่อน พองานเครียด ฝึกอบรมเลยต้องกลายเป็นงานที่ไม่เครียด กลายเป็นทอล์คโชว์เป็นหลัก ใส่สาระเป็นรอง ดังนั้น พึงหลีกเลี่ยงการฝึกอบรมในระหว่างที่การงานกำลังเร่งรัดกดดันเช่นในช่วงปลายๆ ปี ที่ต้องเร่งการงานกัน การงานก็ยังไม่เสร็จ ยังต้องมาฝึกอบรมอีก กลายเป็นฝึกครึ่งหนึ่ง ทำงานครึ่งหนึ่ง ฝึกอบรมกันตอนการงานกำลังเครียด ฝึกมากแค่ไหน วิทยากรดีอย่างไรก็ลืมหมด กล่าวกันว่าการฝึกอบรมที่ล้มเหลวมากที่สุดคือ การจัดฝึกอบรมเพื่อเร่งใช้งบประมาณให้หมดไปก่อนปลายปี ที่หัวข้อเป็นอะไรก็ได้ ใครดังๆ ก็เชิญมาเป็นวิทยากร

การใช้ชีวิตในแต่ละวัน มีสารพัดอย่างที่ทำให้เราเบี่ยงเบนความสนใจจากสาระในการอบรมได้ง่ายมาก เดี๋ยวก็อ่านไลน์ตอบไลน์ เดี๋ยวก็อัปเฟซบุ๊ค เดี๋ยวก็รับมือถือ สมาธิในการรับรู้สาระจากการฝึกอบรมก็ลดน้อยลงไป ตามการเบี่ยงเบนจากสารพัดอุปกรณ์ดิจิทัลเหล่านี้ และบ่อยครั้งที่จะหลุดสาระที่สำคัญ ที่เป็นสาระที่เชื่อมต่อสาระอื่นๆ เข้าด้วยกัน เป็นสาระที่สำคัญต่อการจดจำเรื่องนั้น ถ้ามัวแต่อ่านไลน์เขียนไลน์ช่วงนั้นพอดี ตัวเชื่อมโยงก็หลุด ฝึกอบรมไปวันนี้ พรุ่งนี้ก็ลืมหมดแล้ว ดังนั้น วันใดจะไปฝึกอบรมอะไร ขอให้ตัดใจจากสารพัดอุปกรณ์ดิจิทัลไปสักวันสองวัน ซึ่งวันนี้พูดง่ายแต่ทำได้ยาก

การฝึกอบรมในบริษัทที่เป็นผู้ขายอุปกรณ์ดิจิทัล มาให้เราใช้กันมากมายทุกวันนี้ ตอนแรกก็มีกฎเหล็กห้ามนำสมาร์ทโฟนมาใช้ในระหว่างการฝึกอบรม แต่ตอนหลังสู้ไม่ไหวกับนิสัยติดอุปกรณ์ดิจิทัล อยู่ห่างสมาร์ทโฟนกันไม่ได้ เพราะยิ่งใช้อุปกรณ์ดิจิทัลเหล่านี้มากเท่าใด นิสัยในการเรียนรู้ก็ยิ่งเปลี่ยนแปลงไปมากขึ้นเท่านั้น จากที่เคยอดทนรับรู้เรื่องต่างๆ ได้นานสูงสุดเกือบหนึ่งชั่วโมงครึ่ง กลายเป็นทนเรียนได้แค่เจ็ดแปดนาที เลยหาหนทางเอาอุปกรณ์ที่เป็นอุปสรรคกับการฝึกอบรม ให้กลับมาเป็นเครื่องมือช่วยในการฝึกอบรมแทน ใช้เกลือจิ้มเกลือ การฝึกอบรมวันนี้จึงต้องสอดคล้องกับนิสัยการเรียนรู้ที่แตกต่างไปจากเดิม

วันนี้หาคนที่ตั้งใจฟังจริงๆ ได้ต่อเนื่องเกินห้านาที สิบนาทีแทบไม่ได้ การบรรยายยึดยาวต่อเนื่องเป็นชั่วโมง ใช้ไม่ได้ผลอีกแล้ว ห้านาทีสิบนาทีต้องเปลี่ยนประเด็นสาระไปเรื่อยๆ กลายเป็นที่มาของรูปแบบการฝึกอบรมที่เรียกกันว่าMicro Learning โดยแบ่งสาระเรื่องใหญ่ให้เป็นหน่วยย่อยๆ หน่วยหนึ่งนานห้านาทีสิบนาที แล้วบรรยายโดยวิทยากร หรือฝึกกันผ่านหน้าจอของอุปกรณ์ดิจิทัลเหล่านี้ก็ได้ ฟังบรรยายหรือดูวิดีโอเกี่ยวกับสาระนั้นสักห้านาทีสิบนาที หลังจากนั้นวิทยากรก็สรุปเป็นข้อความสั้นๆ ที่เข้าใจง่ายๆ จดจำได้ง่าย หรือจะแสดงข้อความสรุปนั้นบนหน้าจอสมารท์โฟนเป็นระยะๆ วิทยากรก็บรรยายไป หน้าจอสมารท์โฟนก็มีข้อความสรุปตามมา ลงท้ายด้วยแบบทดสอบอีกนิดหน่อย จะได้แน่ใจว่ารู้เรื่องจริงๆ ฝึกไปแล้วสองสามวันก็มีไลน์มาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง ควบคู่กับมีเฟซบุ๊คให้สอบถามหรือแบ่งบันความรู้ที่ได้จากการนำความรู้ที่อบรมมานั้นไปลงมือทำงานจริง

ใครก็ตามที่ต้องบริหารการพัฒนาทรัพยากรบุคคลในวันนี้ ต้องคิดเรื่อง Micro Learning อย่างจริงจังกันแล้ว อย่าสวนกระแสด้วยการไล่เก็บไล่ยึดสารพัดอุปกรณ์ดิจิทัลในระหว่างการฝึกอบรม