เหตุปะทะไทย-กัมพูชา บททดสอบการทูตภาษีทรัมป์ใช้ได้ผลหรือไม่

เหตุปะทะไทย-กัมพูชา บททดสอบการทูตภาษีทรัมป์ใช้ได้ผลหรือไม่

ในเดือนก.ค. ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐโทรศัพท์มาขู่เรื่องภาษีเพื่อให้ไทยและกัมพูชายุติการสู้รบดุเดือดที่ดำเนินมาแล้วห้าวัน แล้วรอบนี้เขาจะทำได้อีกหรือไม่

สัปดาห์นี้เกิดการปะทะบริเวณชายแดนขึ้นมาอีกครั้ง ปิดฉากข้อตกลงหยุดยิงที่ทรัมป์สนับสนุน ไทยแสดงจุดยืนชัด ภาษีต้องไม่ถูกนำมาใช้บีบให้ไทยสร้างสันติภาพกับกัมพูชา

“การต้านทานของไทยเป็นบททดสอบการใช้ภาษีของทรัมป์ แต่ภาษีมักเป็นเครื่องมือที่เถรตรงเกินไป”

“มันจะสามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิงอย่างยั่งยืนได้หรือไม่ท่ามกลางความบาดหมางที่ฝังรากลึกมายาวนานนั้นยังเป็นเรื่องที่น่าสงสัยอยู่” จง จาลัน อาจารย์รัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์กล่าวกับรอยเตอร์

ในการพิชิตรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ทรัมป์พยายามไกล่เกลี่ยความขัดแย้งจำนวนหนึ่งช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ได้ผลลัพธ์ผสมผสาน แต่ในเวลาเดียวกันแปลกแยกบางประเทศออกไปจากกระบวนการ

  • ภาษีในฐานะตัวช่วยแก้ไขความขัดแย้งภูมิภาค

ในเดือนพฤษภาคม ทรัมป์พยายามยุติการสู้รบระหว่างอินเดียและปากีสถาน และกล่าวว่าเขาใช้มาตรการภาษีนำเข้าที่สูงมากเพื่อกดดันทั้งสองประเทศ แต่การกระทำนี้ทำให้อินเดียไม่พอใจและบั่นทอนความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์ระหว่างอินเดียกับสหรัฐ ทำให้ความร่วมมือที่สำคัญของทั้งสองประเทศตกอยู่ในความเสี่ยง

อินเดียปฏิเสธว่าภาษีไม่ได้มีบทบาทใดๆ ในการยุติความเป็นปรปักษ์กับปากีสถาน

ล่าสุด ในงานชุมนุมที่รัฐเพนซิลเวเนียเมื่อวันอังคาร (9 ธ.ค.) ทรัมป์กล่าวโดยไม่เผยรายละเอียดว่า เขาจะโทรศัพท์ในวันพุธ (10 ธ.ค.) เพื่อยุติการสู้รบระหว่างไทยกับกัมพูชา

ด้านสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย ย้ำว่า การแก้ปัญหาความขัดแย้งชายแดนควรแยกจากการเจรจาการค้าที่กำลังดำเนินอยู่

ในเดือนตุลาคม สหรัฐและไทยประกาศกรอบการค้าที่สหรัฐยังคงเก็บภาษีสินค้าไทยในอัตรา 19% พร้อมระบุสาขาที่มีโอกาสลดภาษี

“เรารู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมอยู่แล้วที่เราต้องเสียภาษีฝ่ายเดียวถึง 19% และเผลอๆพวกเขาอาจต้องการเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นอีกหากยังไม่พอใจ” สีหศักดิ์กล่าวในการให้สัมภาษณ์เมื่อวันอังคาร

  • ความเสี่ยงและรางวัลก่อนเลือกตั้ง

ชายแดนไทยและกัมพูชาระยะทาง 817 กิโลเมตรมีข้อพิพาทชายแดนกันหลายจุดมาร่วมหนึ่งศตวรรษ ความพยายามแก้ปัญหาการอ้างกรรมสิทธิ์ทับซ้อนแทบไม่คืบหน้า นำไปสู่การปะทะกันทางทหารเป็นระยะๆ

ความเป็นปรปักษ์รอบนี้เกิดขึ้นขณะที่นายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกูล เตรียมการยุบสภาในเดือนหน้าและเลือกตั้งในเดือนมีนาคม อนุทินรับตำแหน่งในเดือนกันยายน หลังจากนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร พ้นตำแหน่งจากประเด็นชายแดน

เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความล้มเหลวของรัฐบาลในการรับมือน้ำท่วมใหญ่ในภาคใต้ ซึ่งเสี่ยงทำให้ความหวังของพรรคภูมิใจไทยไม่เป็นไปตามแผน

“สิ่งนี้ทำให้พรรคภูมิใจไทยต้องพยายามพิสูจน์ความสามารถในการเป็นผู้นำในช่วงเวลาสั้นๆ ที่ดำรงตำแหน่ง ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นการพยายามดึงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งที่จะมาถึง” ลอรา ชวาร์ตซ นักวิเคราะห์อาวุโสจากบริษัทที่ปรึกษาความเสี่ยงเวริสค์ เมเปิลครอฟต์แสดงความเห็น

ขณะที่ภาษีสูงขึ้นยังคงเป็นความเสี่ยง อนุทินและพรรคภูมิใจไทยอาจพยายามใช้ประโยชน์จากความรู้สึกชาตินิยมด้วยการใช้ท่าทีแข็งกร้าวเรื่องการค้าและแยกออกจากเรื่องชายแดน

วรนัย วาณิชกะ อาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์กล่าวว่า อนุทินถูกวิจารณ์แรงมากจากฝ่ายชาตินิยมเข้มข้นบางคน ตอนที่เขาลงนามข้อตกลงหยุดหยิงที่ทรัมป์และมาเลเซียเป็นคนกลาง

“ตอนนี้เขาเลยกันทรัมป์ออกไป” นักวิชาการธรรมศาสตร์กล่าว

ผลการสำรวจความคิดเห็นทั่วประเทศในเดือน ส.ค. ชี้ว่า คนไทยไว้ใจกองทัพอย่างท่วมท้นเหนือกว่าผู้นำทางการเมือง เนื่องจากกองทัพรับมือกัมพูชาอย่างแข็งกร้าว

“ไทยอาจโดนภาษีเล่นงานทันที แต่ไทยกำลังวางเดิมพันกับความเหนือกว่าทางทหารและธรรมชาติความขัดแย้งที่จำกัดวง พวกเขาอาจเชื่อว่าตนสามารถเอาชนะได้ แล้วรัฐบาลทรัมป์จะยอมรับผลนั้น” จงจากสิงคโปร์สรุป