เอเชียเตรียมรับ 'เงินไหลเข้า-แครี่เทรด' ดันตลาดตราสารหนี้พุ่งแรง 2026

เอเชียเตรียมรับ 'เงินไหลเข้า-แครี่เทรด' ดันตลาดตราสารหนี้พุ่งแรง 2026

แบงก์ออฟอเมริกาและฟิเดลิตีคาดกระแสเงินทุนไหลเข้าและผลตอบแทนดอกเบี้ยจูงใจ จะหนุน “ตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่เอเชีย” ฟื้นตัวในปี 2026 หลังเฟดเพิ่งลดดอกเบี้ยส่งท้ายปีนี้

นักวิเคราะห์จากบริษัท Fidelity International และ Bank of America (BofA) คาดการณ์ว่า ตลาดตราสารหนี้สกุลเงินท้องถิ่นของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย (EM Asia) จะฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งในปี 2026  จากกระแสเงินทุนไหลเข้าหลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดดอกเบี้ย และแรงจูงใจเรื่องผลตอบแทนที่สูงเมื่อเทียบอัตราเงินเฟ้อ 

นักลงทุนมองว่าภาวะแวดล้อมของตลาดกำลังปรับตัวดีขึ้นจากอัตราผลตอบแทนที่สูงเมื่อเทียบกับเงินเฟ้อ และโอกาสที่สกุลเงินเอเชียจะกลับมาแข็งค่าจากทิศทางการลดดอกเบี้ยของเฟดครั้งล่าสุดในวันนี้ (11 ธ.ค.) อีกทั้งสถานะการถือครองตราสารหนี้กลุ่มนี้ของนักลงทุนต่างชาติยังอยู่ในระดับค่อนข้างน้อย จึงมีพื้นที่ให้กองทุนทั่วโลกเพิ่มน้ำหนักลงทุนได้อีกมาก

เบลินดา เหลียว ผู้จัดการพอร์ตของ Fidelity International กล่าวว่า ตราสารหนี้สกุลเงินท้องถิ่นกลุ่มตลาดเกิดใหม่เอเชียจะให้ผลตอบแทนโดดเด่นในปี 2026 จากแรงหนุนของค่าเงินที่มีแนวโน้มแข็งค่าและอัตราผลตอบแทนจากดอกเบี้ย (แครี่) ที่กลับสู่ภาวะปกติ โดยการลดดอกเบี้ยของเฟดจะทำให้ดอกเบี้ยสหรัฐลดลงเมื่อเทียบกับดอกเบี้ยในเอเชีย และดึงดูดนักลงทุนกลับเข้ามาหาผลตอบแทนจากการทำแครี่อีกครั้ง

แนวโน้มที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นนี้ มีขึ้นในช่วงสำคัญที่รัฐบาลในหลายประเทศกำลังพยายามหนุนค่าเงินของตนเอง แม้ว่าอาจจะต้องผ่อนคลายนโยบายการเงินไปด้วยก็ตาม ซึ่งผลสำรวจนักเศรษฐศาสตร์โดยบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางใน 4 ประเทศตลาดเกิดใหม่เอเชีย ได้แก่ "อินโดนีเซีย ไทย เกาหลีใต้ และฟิลิปปินส์" จะลดอัตราดอกเบี้ยรวมกัน 175 จุดพื้นฐาน (bsp) ภายในกลางปี 2026 

อภัย คุปตา นักกลยุทธ์ของ BofA Securities ในสิงคโปร์ประเมินว่า ธนาคารกลางในตลาดเกิดใหม่เอเชียหลายแห่งยังมีช่องว่างจะลดดอกเบี้ยลงได้อีกประเทศละ 1–3 ครั้ง โดยเฉพาะ "อินโดนีเซีย" มีแนวโน้มที่จะผ่อนคลายได้มากที่สุด

BofA มองว่า "อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และอินเดีย" เป็นสามตลาดที่คาดว่าจะให้ผลตอบแทนที่แท้จริงดีที่สุดในภูมิภาค และยังคงมองบวกต่อพันธบัตรอายุ 5 ปีของทั้งสามประเทศนี้ จากโอกาสที่จะมีการดอกเบี้ยลงต่อ

พลิกฟื้นจากซบเซาสุดในรอบ 3 ปี 

ปัจจุบันดัชนีตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่เอเชียของบลูมเบิร์กให้ผลตอบแทนเพียง 3.70% นับตั้งแต่ต้นปี 2025 ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำสุดในรอบ 3 ปี และไม่ถึงครึ่งหนึ่งของผลตอบแทนดัชนีพันธบัตรตลาดเกิดใหม่ทั่วโลก ในช่วงเวลาเดียวกัน

เอเชียเตรียมรับ 'เงินไหลเข้า-แครี่เทรด' ดันตลาดตราสารหนี้พุ่งแรง 2026

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มในอนาคตปีหน้ามีแรงหนุนจากแรงกดดันเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำ โดยเงินเฟ้อของ "อินเดีย ไทย ฟิลิปปินส์ และจีน" อยู่ต่ำกว่าเป้าหมาย ขณะที่อินโดนีเซียยังอยู่ในกรอบเป้าหมาย ทำให้มีแรงจูงใจเข้ามาหาส่วนต่าง เช่น ส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอินเดียอายุ 10 ปีกับเงินเฟ้อล่าสุด พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 638 จุดเปอร์เซนต์ ในสัปดาห์นี้ 

นอกจากนี้ นักลงทุนต่างชาติยังอาจกลับมาพร้อมเงินทุนไหลเข้าในทรัพย์สินกลุ่มนี้ จากปัจจัยเรื่องระดับการถือครองที่ยังค่อนข้างต่ำ ทำให้ยังมีโอกาสอีกมากที่จะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในส่วนนี้ 

โฮมิน ลี นักกลยุทธ์มหภาคอาวุโสของ Lombard Odier กล่าวว่า สถานะถือครองตราสารหนี้สกุลเงินท้องถิ่นในตลาดเกิดใหม่เอเชียยังน้อยมาก กระแสเงินทุนที่เริ่มฟื้นตัวในตอนนี้มีโอกาสขยายตัวเด่นชัดขึ้นในปีหน้า หากภาวะตลาดเป็นไปตามที่คาดไว้
 

ที่มา : Bloomberg