ถอดรหัสเส้นทางสันติภาพรัสเซีย‘ถอย-ไม่ถอย’

ถอดรหัสเส้นทางสันติภาพรัสเซีย‘ถอย-ไม่ถอย’

การเจรจาระหว่างตัวแทนยูเครนและรัสเซียที่อิสตันบูลของตุรกี เมื่อวันอังคาร (29 มี.ค.) ส่งผลที่ถือเป็นสัญญาณดีเห็นได้จากการตอบรับจากตลาดหุ้นทั่วโลก แต่ผลลัพธ์แท้จริงจะเป็นอย่างไรคงต้องดูกันยาวเพราะหลายฝ่ายยังสงสัยว่ารัสเซียจะถอยจริงหรือไม่

ข้อเสนอยูเครน

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน เดวิด อาราคาเมีย เจ้าหน้าที่เจรจาสันติภาพของยูเครนเผยถึงข้อเสนอของฝ่ายตนว่า 1) รัฐบาลเคียฟเห็นชอบไม่เข้าร่วมเป็นพันธมิตรทางการทหารกับประเทศใด หรือให้ทหารต่างชาติเข้ามาตั้งฐานทัพ แต่จะต้องได้รับการรับรองความปลอดภัยในเงื่อนไขเดียวกับ “มาตรา 5”ขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ที่ระบุว่า การโจมตีต่อสมาชิกประเทศใดประเทศหนึ่ง จะถือเสมือนการโจมตีต่อสมาชิกทุกประเทศ

รายชื่อประเทศที่อาจเข้าร่วมข้อตกลงดังกล่าว ได้แก่ สมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ซึ่งได้แก่ สหรัฐ รัสเซีย สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และจีน รวมทั้ง ตุรกี แคนาดา เยอรมนี อิตาลี โปแลนด์ อิสราเอล และประเทศอื่นๆที่มีความประสงค์จะเข้าร่วมข้อตกลง

2) ข้อเสนอยังรวมถึงกระบวนการหารือซึ่งจะใช้เวลา 15 ปีเกี่ยวกับสถานะของไครเมีย ที่ถูกรัสเซียผนวกไปเมื่อปี 2557 

3) ข้อเสนอต้องผ่านการลงประชามติในยูเครน 

4) ผู้นำยูเครนและรัสเซียจะหารือกันเรื่องอนาคตของภูมิภาคดอนบาสทางตะวันออกเฉียงใต้ ที่รัสเซียเรียกร้องให้ยูเครนยอมตามกลุ่มแบ่งแยกดินแดน 

5) วลาดิมีร์ เมดินสกี หัวหน้าคณะเจรจารัสเซียเผยว่า ข้อเสนอของยูเครนยังรวมถึงรัสเซียต้องไม่คัดค้านการเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งก่อนหน้านี้รัสเซียคัดค้านมาโดยตลอดโดยเฉพาะการเข้าเป็นสมาชิกนาโต

 

ท่าทีรัสเซีย

เมดินสกี กล่าวว่าตัวแทนฝ่ายรัสเซียจะศึกษาข้อเสนอดังกล่าวแล้วส่งให้ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินต่อไป ส่วนการเตรียมข้อตกลงสันติภาพ เขากล่าวในภายหลังกับสำนักข่าวทาสส์ “หนทางยังอีกยาวไกล”

อเล็กซานเดอร์ โฟมิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมรัสเซีย แถลงเมื่อวันอังคาร “เพื่อเพิ่มความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกันสร้างเงื่อนไขอันจำเป็นต่อการเจรจาเพิ่มเติมและบรรลุเป้าหมายสูงสุดในการเห็นชอบและลงนามข้อตกลง รัสเซียตัดสินใจลดกิจกรรมทางทหารลงอย่างมากในกรุงเคียฟและเชอร์นิฮิฟ”

รมช.กลาโหมรัสเซียไม่ได้ระบุถึงพื้นที่อื่นที่สู้รบกันหนัก เช่น รอบเมืองมาริอูโพลทางตะวันออกเฉียงใต้ เมืองซูมีและคาร์คิฟทางตะวันออก เมืองเคอร์ซันและมิโคไลทางภาคใต้

ปฏิกริยาเซเลนสกี

ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครนกล่าวเมื่อกลางดึกวันอังคาร  “ชาวยูเครนไม่ได้ไร้เดียงสา พวกเขาเรียนรู้แล้วระหว่างการรุกราน 34 วัน และสงครามกว่าแปดปีในดอนบาสว่า สิ่งเดียวที่จะไว้ใจได้คือผลลัพธ์อันเป็นรูปธรรมเท่านั้น” ผู้นำยูเครนกล่าวและว่า  คำมั่นของรัสเซียว่าจะลดปฏิบัติการทางทหารในบางพื้นที่ “อาจเป็นการสับเปลี่ยนหน่วยเป้าหมายเพื่อให้เข้าใจผิด”

มุมมองนานาชาติ

ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐ กล่าวหลังหารือกับผู้นำอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี และอิตาลี “เราจะคอยดูว่าพวกเขาทำตามอย่างที่พูดไว้หรือไม่”

กระทรวงกลาโหมสหรัฐแถลงเมื่อวันอังคาร ตามเวลาท้องถิ่น รัสเซียเริ่มเคลื่อนกำลังทหารเพียงน้อยนิดออกจากที่ตั้งรอบกรุงเคียฟ ความเคลื่อนไหวนี้เป็นการเคลื่อนย้ายกำลังมากว่าล่าถอยหรือถอนทหารออกจากสงคราม

“เราทั้งหมดควรเตรียมตัวจับตารอการสู้รบใหญ่ในพื้นที่อื่นๆ ของยูเครน ซึ่งนั่นไม่ได้หมายความว่าภัยคุกคามต่อกรุงเคียฟจะหมดไป” จอห์น เคอร์บี โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐแถลง

นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่า คำมั่นลดการสู้รบของรัสเซียส่วนใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่ที่รัสเซียสูญเสียความได้เปรียบ

ด้านกระทรวงกลาโหมอังกฤษแจ้งในข้อมูลข่าวกรองฉบับปรับปรุง “เป็นไปได้สูงมากว่ารัสเซียพยายามย้ายกำลังจากตอนเหนือไปสู่ภูมิภาคโดเนตส์กและลูฮันส์กทางตะวันออก”

รายงานข่าวอ้างคำพูดผู้นำสาธารณรัฐประชาชนโดเนตส์กที่รัฐบาลมอสโกหนุนหลังให้ประกาศเอกราชตนเอง กล่าวว่า เมื่อได้ควบคุมภูมิภาคโดเนตส์กทั้งหมดแล้วอาจพิจารณาไปร่วมกับรัสเซีย ซึ่งรัฐบาลเคียฟโต้ว่า การกระทำดังกล่าวไม่มีกฎหมายรองรับ

รัสเซียลดเป้าหมาย 

การหารือแบบเจอหน้ากันระหว่างตัวแทนรัสเซียและยูเครนที่อิสตันบูล ถือเป็นสัญญาณแรกว่าการหารือเพื่อยุติความขัดแย้งมีความก้าวหน้า อาราคาเมียกล่าวว่า มีเงื่อนไขเพียงพอให้ประธานาธิบดีเซเลนสกีพบกับประธานาธิบดีปูติน

มุมมองบวกต่อความคืบหน้าที่เห็นได้ชัดส่งผลให้ตลาดหุ้นยุโรปและสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาน้ำมันร่วงลง 5% เนื่องจากความกังวลเรื่องอุปทานผ่อนคลายลง ค่าเงินรูเบิลพุ่งขึ้น 10% เมื่อเทียบกับดอลลาร์

รัฐบาลมอสโกส่งสัญญาณมาตั้งแต่สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ลดเป้าหมายสงครามลงมามุ่งเน้นที่ทรัพยากรทางทหารในภูมิภาคดอนบาสทางตะวันออกของยูเครน และช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานักรบยูเครนยึดคืนพื้นที่มาได้ เช่น เมืองเออร์พิน ชานเมืองยุทธศาสตร์ของกรุงเคียฟ กระทรวงกลาโหมอังกฤษแถลงเมื่อคืนวันอังคาร “เกือบจะแน่นอนแล้วว่า การสู้รบของรัสเซียไม่สามารถบรรลุเป้าหมายล้อมกรุงเคียฟ”

เว็บไซต์ซีเอ็นบีซีรายงานว่า การรุกรานยูเครนทำให้รัสเซียเจอผลลัพธ์ที่ไม่ได้ตั้งใจ 5 ประการ   ได้แก่  1) ทหารรัสเซียเสียชีวิตสูง แม้รัสเซียไม่อยากเปิดตัวเลขความเสียหาย แต่เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมรายหนึ่งเผยว่า นับถึงวันที่ 25 มี.ค. ทหารรัสเซียเสียชีวิต 1,351 นาย บาดเจ็บ 3,825 นาย ทางการยูเครนอ้างว่า ทหารรัสเซียถูกสังหารกว่า 15,000 นาย ขณะที่สัปดาห์ก่อนเจ้าหน้าที่ระดับสูงรายหนึ่งของนาโตประเมินว่า ตัวเลขอยู่ที่ 8,000-15,000 นาย

2) ชาวยูเครนเกลียดรัสเซียมาก โดยเฉพาะหลังจากการโจมตีบ้านเรือนประชาชนและสาธารณูปโภค 

3) เศรษฐกิจรัสเซียเองก็เสียหาย คาดว่าจะร่วงสู่ภาวะถดถอยรุนแรงในปีนี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ประเมินว่า สงครามจะทำให้เศรษฐกิจรัสเซียถดถอยมากถึง 15% ในปีนี้ และลดลง 3% ในปี 2566 “สงครามลบล้างการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีมา 15 ปี” 

4) ยุโรปไม่ซื้อพลังงานรัสเซีย รายได้ที่เคยได้จากน้ำมันและก๊าซหดหายไปมาก

5) การรุกรานครั้งนี้รัสเซียเองที่เป็นฝ่ายทำให้ตะวันตกสมัครสมานสามัคคีกันมากขึ้น