ดาวโจนส์ร่วง 184 จุดหลัง'ไบเดน'แบนนำเข้าน้ำมัน-ก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย

ดาวโจนส์ร่วง 184 จุดหลัง'ไบเดน'แบนนำเข้าน้ำมัน-ก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันอังคาร(8มี.ค.)ปรับตัวร่วงลง 184 จุด หลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐ ประกาศคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียเพื่อตอบโต้ต่อการที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน

หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นแรง ปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 7 ติดต่อกัน หลังจากประธานาธิบดีไบเดน แถลงมาตรการแบนดัวกล่าว พร้อมเน้นย้ำว่าได้รับการสนับสนุนอย่างแข็งแกร่งจากทั้งสองพรรค ในความเคลื่อนไหวที่เขาเองยอมรับว่าจะผลักให้ราคาพลังงานในสหรัฐพุ่งทะยานด้วยเช่นกัน

สหรัฐไม่ใช่ประเทศผู้ซื้อนำมันจากรัสเซียลำดับต้นๆ แต่มาตรการแบนดังกล่าวดูเหมือนจะก่อแรงกดดันแก่บรรดาพันธมิตร ให้หันเหเศรษฐกิจของตนเองออกห่างจากพลังงานรัสเซียด้วยเช่นกัน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวร่วงลง 184.74 จุด หรือ 0.56%  ปิดที่ 32,632.64 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 30.39 จุด หรือ 0.72%  ปิดที่ 4,170.70 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 35.41 จุด หรือ 0.28%  ปิดที่ 12,795.55 จุด

หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นนำตลาด ขานรับการทะยานขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลก

ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสัญญาล่วงหน้าเวสต์เท็กซัสดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 128 ดอลลาร์ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ทะลุระดับ 132 ดอลลาร์ หลังมีข่าวว่า สหรัฐเตรียมคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียในวันนี้

ปธน.ไบเดนคาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันจะพุ่งขึ้นต่อไป อันเป็นผลจากมาตรการดังกล่าว แต่เขาให้สัญญาว่าจะดำเนินการทุกอย่างเพื่อลดผลกระทบต่อชาวอเมริกัน

ด้านนักลงทุนจับตาสถานการณ์การสู้รบระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมทั้งการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน ซึ่งจะกระตุ้นเงินเฟ้อ และกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

ขณะที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำของจีน กล่าวว่า จีนพร้อมที่จะมีบทบาทอย่างมากในการแก้ไขวิกฤตความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ตามที่ทุกฝ่ายมองว่ามีความจำเป็น

ทั้งนี้ ปธน.สี จิ้นผิงกล่าวถ้อยแถลงดังกล่าวในการประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และนายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ ผู้นำเยอรมนี

นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพฤหัสบดี ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 15-16 มี.ค. ซึ่งเป็นการประชุมครั้งที่ 2 ในปีนี้

นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนนี้ ซึ่งไม่รุนแรงเหมือนกับที่นักวิเคราะห์บางรายคาดว่าจะปรับขึ้น 0.50%