หลายประเทศผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มโรคโควิด-19แม้ยอดผู้ป่วยยังเพิ่มขึ้น

หลายประเทศผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มโรคโควิด-19แม้ยอดผู้ป่วยยังเพิ่มขึ้น

ตอนนี้หลายประเทศ เริ่มผ่อนคลายมาตรการต่างๆที่เคยคุมเข้มเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยปรับนโยบายมาเป็นการอยู่ร่วมกับโรคระบาดใหญ่นี้ให้ได้ เพื่อให้ธุรกิจและกิจกรรมทางเศรษฐกิจดำเนินต่อไปได้

เริ่มจากฟิลิปปินส์ ประกาศเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้งวานนี้ (10ก.พ.) ถือเป็นการปิดฉากการปิดพรมแดนตลอด 2 ปีเพื่อสกัดโควิด-19

“เบอร์นาเด็ต โรมูโล-ปูยัต” รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวฟิลิปปินส์ กล่าวว่า ฟิลิปปินส์จะเริ่มต้นบทใหม่ในเส้นทางสู่การฟื้นตัว ด้วยการเปิดพรมแดนให้ชาวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิดครบโดสแล้วจาก 157 ประเทศ สามารถมาเที่ยวได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า

“ไฮเม โมเรนเต” ผู้อำนวยการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง บอกว่า ขณะนี้นักท่องเที่ยวสามารถแสดงเอกสารเพียงไม่กี่อย่าง เช่น หลักฐานการฉีดวัคซีนและผลการตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นลบ

ด้านสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองคาดการณ์ว่า ในวันพฤหัสบดี(10ก.พ.)จะมีนักท่องเที่ยวเข้าประเทศราว 7,000 คน และหวังว่าตัวเลขจะพุ่งแตะ 10,000-12,000 คนต่อวันในเดือนต่อ ๆ ไป จากช่วงปี 2562-2563 ซึ่งเป็นช่วงที่โควิด-19 เริ่มระบาดมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนฟิลิปปินส์ลดลงถึง 82%

สายการบินฟิลิปปินส์ แอร์ไลน์ (พีเอแอล) ขานรับการตัดสินใจครั้งนี้ของรัฐบาล พร้อมยืนยันความปลอดภัยของผู้โดยสารด้วยระบบกรองอากาศในเครื่องบินและพนักงานบนเครื่องที่ฉีดวัคซีนครบโดสทุกคน

กระทรวงการท่องเที่ยวฟิลิปปินส์ กล่าวว่า มีแรงงานในฟิลิปปินส์กว่า 349,000 รายที่พึ่งพาการท่องเที่ยว โดยประเทศที่นิยมมาเที่ยวฟิลิปปินส์ ได้แก่ เกาหลีใต้, สหรัฐ, จีน และญี่ปุ่น

อีกประเทศที่เริ่มผ่อนคลายคือสวีเดน โดย“แมกดาเลนา แอนเดอร์สัน” นายกรัฐมนตรีสวีเดน ประกาศยกเลิกมาตรการป้องกันโควิดเกือบทั้งหมด พร้อมประกาศอย่างเป็นทางการว่าการระบาดของโควิด-19 ในประเทศสิ้นสุดลงแล้ว จากการฉีดวัคซีนให้ประชากรมากถึง 72% และการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ที่แทบจะไม่ทำให้มีอาการป่วยรุนแรงและเสียชีวิต และรัฐบาลสวีเดนยืนยันว่าโควิดไม่ได้เป็นอันตรายต่อสังคมอีกต่อไป

สวีเดนไม่เคยใช้มาตรการล็อกดาวน์หรือการควบคุมโควิดที่เข้มงวด แต่ใช้วิธีการขอความร่วมมือโดยสมัครใจ และมีข้อห้ามเพียงเล็กน้อย เพื่อจำกัดการเคลื่อนไหวหรือรวมกลุ่มของประชาชน แต่นับจากนี้ไป ร้านอาหารและบาร์ทุกแห่งในสวีเดนสามารถเปิดได้หลังเวลา 23:00 น. และรับลูกค้าได้โดยไม่จำกัดจำนวน ส่วนการจัดงานคอนเสิร์ต หรืองานเฉลิมฉลองในอาคารก็ไม่มีการจำกัดจำนวนคนอีกต่อไป

 นอกจากนี้ ทางการสวีเดนยังยุติการตรวจโควิดแบบ PCR แก่บุคคลทั่วไป เพราะไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป และเป็นการสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายโดยใช่เหตุ โดยจะตรวจเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง เช่น บุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งนอกจากสวีเดนแล้ว มีเดนมาร์ก กับนอร์เวย์ ที่ก่อนหน้านี้ประกาศยกเลิกมาตรการป้องกันโควิดเกือบทั้งหมดเช่นกัน

เมื่อเดือนที่แล้วการแพร่ระบาดของโอมิครอนทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อในสวีเดนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่ผู้ติดเชื้ออาการรุนแรงถึงขั้นเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ไม่ล้นระบบสาธารณสุขของประเทศ

เว็บไซต์อินดิเพนเดนท์ รายงานโดยอ้างคำพูดของนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ เมื่อวันพุธ(9 ก.พ.)ว่า ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนก.พ.เป็นต้นไป ชาวอังกฤษที่ติดเชื้อโควิด-19 จะไม่ต้องกักตัวเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคอีกต่อไป เพื่อให้เป็นไปตามแผนที่จะอยู่ร่วมกับโควิด

จอห์นสัน ยกเลิกมาตรการป้องกันโควิด-19 ของอังกฤษเกือบทั้งหมดเมื่อเดือนก.ค.ปีที่แล้ว และเมื่อเดือนที่แล้วก็ยกเลิกมาตรการแพลนบี ที่บังคับใช้เพื่อชะลอการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอน

จอห์นสัน กล่าวว่า อยากให้อังกฤษเข้าสู่การอยู่ร่วมกับโควิด-19 และอังกฤษจะกลายเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่กลุ่มแรกที่จะยกเลิกการบังคับให้มีการกักตัว

มาตรการกักตัวดังกล่าวที่ทางการอังกฤษบังคับใช้เดิมมีกำหนดจะสิ้นสุดลงในวันที่ 24 มี.ค.ที่จะถึง แต่นายจอห์นสัน กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า จะพยายามยกเลิกมาตรการดังกล่าวให้เร็วขึ้น

อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์บางคนยังกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะยกเลิกมาตรการกักตัว ท่ามกลางจำนวนผู้ติดเชื้อเฉลี่ย 60,000 คนต่อวัน และความเป็นไปได้ที่เชื้อสายพันธุ์ใหม่ที่มีอันตรายมากกว่าจะเกิดขึ้นตามมา