กม.ความปลอดภัยการทำงานดึง“ซีอีโอ”เกาหลีใต้รับผิดชอบ

กม.ความปลอดภัยการทำงานดึง“ซีอีโอ”เกาหลีใต้รับผิดชอบ

กม.ความปลอดภัยการทำงานดึง“ซีอีโอ”เกาหลีใต้รับผิดชอบขณะบรรดาบริษัทต่างชาติอาจลดขนาดธุรกิจและระงับการลงทุนใหม่ๆถ้าผู้บริหารของพวกเขาถูกลงโทษจากกฏหมายความปลอดภัยในการทำงาน

เกาหลีใต้ดึงผู้บริหารและซีอีโอบริษัทร่วมรับผิดชอบภายใต้กฏหมายความปลอดภัยในที่ทำงานที่เริ่มมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการวานนี้ (27 ม.ค.)หลังเกิดเหตุตึกถล่ม และห้างสรรพสินค้าถล่ม จนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากแต่เจอกระแสต้านและหนุนจากกลุ่มต่างๆ ขณะนักวิชาการด้านกฏหมายชี้กฏหมายนี้คลุมเครือแม้มีบทลงโทษรุนแรง

กฏหมายความปลอดภัยในการทำงาน หรือ The Serious Disasters Punishment Act ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้แล้วในเกาหลีใต้ กำหนดบทลงโทษฝ่ายบริหารและเจ้าของธุรกิจที่เกิดอุบัติเหตุจนเป็นสาเหตุให้มีผู้เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วยการจำคุก 1 ปี หรือปรับเป็นเงิน 1,000 ล้านวอน (835,000 ดอลลาร์)

เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ปีที่แล้ว เจ้าหน้าที่เมืองควังจู ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงโซลไปทางตะวันตกเฉียงใต้ ได้รับแจ้งเหตุอาคาร 5 ชั้นที่อยู่ระหว่างรื้อถอน พังถล่มลงมาบนถนน ทับรถบัสที่จอดอยู่ป้ายรถใกล้กับเขตก่อสร้าง  ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 9 ราย บาดเจ็บสาหัส 8 ราย ทั้งหมดเป็นผู้โดยสารในรถประจำทาง

ทั้งนี้ เกาหลีใต้มีประวัติความปลอดภัยด้านการก่อสร้างไม่ดีนัก และเหตุร้ายแรงที่ถือเป็นโศกนาฏกรรมคือห้างสรรพสินค้าถล่มคร่าชีวิตผู้เคราะห์ร้ายกว่า 500 ราย ในปี 2538 และสะพานถล่มในปี 2537 มีผู้เสียชีวิต 49 ราย

กลุ่มแรงงานชื่นชมยินดีที่กฏหมายนี้มีผลบังคับใช้ และพอใจที่กฏหมายนี้ให้การคุ้มครองแรงงาน ผลักภาระความรับผิดชอบไปให้ผู้บริหารและซีอีโอของบริษัทปล่อยให้ที่ทำงาน ซึ่งครอบคลุมถึงโรงงานและเขตก่อสร้าง มีสภาพแวดล้อมอันตรายเพราะคำนึงถึงผลประโยชน์ของตัวเองมากกว่าความปลอดภัยของบรรดาคนงาน        

ขณะที่บรรดาเจ้าของธุรกิจ ยืนยันว่ากฏหมายนี้จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศที่ขณะนี้กำลังคลอนแคลนเพราะทำให้บริษัทจำนวนมากลังเลที่จะเปิดตัวโครงการใหม่ๆ  ขณะที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า กฏหมายนี้ประสบความล้มเหลวในการนำบุคคลสำคัญซึ่งต้องรับผิดชอบโดยตรงกรณีเกิดอุบัติเหตุในการทำงานมารับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น

โดยทั่วไปแล้วซีอีโอและผู้บริหารระดับสูงจะไม่ปรากฎตัวที่ไซต์งานทั้งยังมีแนวโน้มไม่ได้กำกับดูแลรายละเอียดต่างๆของงาน
 

“ความสำคัญของกฏหมายนี้คือกำหนดความรับผิดชอบสำหรับฝ่ายบริหารเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงและมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นให้บรรดาผู้จัดการให้ความสนใจกับปัญหาด้านความปลอดภัย

ปัญหาใหญ่สุดของกฏหมายฉบับนี้คือ มีบทบัญญัติที่คลุมเครือ เพราะกำหนดบทลงโทษที่รุนแรง จึงจำเป็นต้องมีบทบัญญัติที่ชัดเจนมากๆแต่ในความเป็นจริงกลับไม่เป็นแบบนั้น” “ควอน ยุค” อาจารย์ด้านกฏหมายจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติปูซาน กล่าวกับเว็บไซต์อัลจาซีราห์ 

ขณะที่กระแสวิพาษ์วิจารณ์อีกประเด็นคือ บริษัทขนาดเล็กซึ่งมีสัดส่วนการจ้างงานมากที่สุดในเกาหลีใต้ ยังไม่มีศักยภาพมากพอที่จะใช้ระบบต่างๆเพื่อสร้างหลักประกันว่าจะดำเนินการได้อย่างสอดคล้องกับกฏหมายฉบับนี้ หรือสามารถรับผิดชอบเรื่องค่าธรรมเนียมต่างๆทางกฏหมายที่อาจจะเกิดขึ้นได้

“สิ่งที่ผมกังวลตอนนี้คือปลายมีดหันไปหาบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กและการบังคับใช้กฏหมายนี้อาจเป็นการบังคับใช้กฏหมายตามอำเภอใจ รัฐบาลคือผู้สร้างบรรยากาศของความหวาดกลัวขึ้นและบริษัทกฏหมายเป็นผู้นำในการใช้กฏหมายนี้ ”จุง จิน-วู ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยในการทำงานจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล ให้ความเห็นกับอัลจาซีราห์

ขณะที่ผลสำรวจล่าสุด จัดทำโดยหอการค้ายุโรปในเกาหลี เมื่อเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา พบว่ากว่าครึ่งของบริษัทจำนวน 121 แห่งที่ตอบแบบสอบถามระบุว่ากฏหมายนี้จะทำให้เกาหลีใต้มีความน่าดึงดูดใจในสายการนักลงทุนน้อยลง และสิ่งที่น่ากังวลที่สุดเกี่ยวกับกฏหมายนี้คือ "ขอบเขตและความรับผิดชอบของผู้จัดการที่ไม่ชัดเจนและเวลาที่น้อยเกินไปในการให้บริษัทต่างๆเตรียมปรับตัวให้สอดรับกับการปฏิบัติตามกฏหมาย

"บรรดาบริษัทต่างชาติอาจลดขนาดของธุรกิจและระงับการลงทุนใหม่ๆถ้าผู้บริหารของพวกเขาถูกลงโทษจากกฏหมาย the Serious Disasters Punishment Act "แถลงการณ์จากหอการค้ายุโรปในเกาหลี ระบุ

ด้านกระทรวงการจ้างงานและแรงงานของเกาหลีใต้ บอกว่า รัฐบาลกำลังปรึกษากับบริษัทขนาดเล็กเกี่ยวกับการปรับปรุงระบบความปลอดภัยและสุขภาพของพนักงาน ขณะเดียวกันก็ให้การสนับสนุนทางการเงินสำหรับโครงการต่างๆเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ

“ตั้งแต่นี้ไป  ประเด็นความปลอดภัยเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับผู้ประกอบการทางธุรกิจ”แถลงการณ์จากกระทรวงฯ ระบุ

กรณีพิพาทระหว่างคนงานและฝ่ายบริหารที่มีปมมาจากปัญหาความปลอดภัยไม่ใช่เรื่องใหม่ในเกาหลีใต้ ชาติเศรษฐกิจใหญ่สุดอันดับ4ของเอเชีย โดยประเทศนี้เกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์หลายครั้งที่จุดกระแสความไม่พอใจของประชาชน และทำให้เกิดคำถามมากมายเกี่ยวกับการเร่งทำโครงการต่างๆให้เสร็จเพื่อลดต้นทุนการทำโครงการ 

ข้อมูลของรัฐบาลเกาหลีใต้ ระบุว่า ในช่วง 5ปีที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางด้านอุตสาหกรรมต่างๆจำนวน 53 คน