เกาหลีใต้-มาเลเซีย พร้อมใช้ RCEP ส่งผลสินค้าไทยได้รับการยกเว้นภาษีกว่า 90%

เกาหลีใต้-มาเลเซีย  พร้อมใช้ RCEP  ส่งผลสินค้าไทยได้รับการยกเว้นภาษีกว่า 90%

พาณิชย์ เผยเกาหลีใต้ พร้อมใช้ความตกลง RCEP 1 ก.พ. นี้ เตรียมยกเว้นภาษีสินค้าให้ไทยทันที 7,843 รายการ พร้อมเตรียมเปิดตลาดเพิ่มให้สินค้าไทยอีก 413 รายการ ส่วนมาเลเซียเริ่ม 18 มี.ค. ยกเว้นภาษีสินค้าให้ไทย 6,590 รายการ แนะผู้ส่งออกเตรียมใช้สิทธิประโยชน์จาก RCEP ขยายตลาดเพิ่ม

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า หลังจากที่ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) มีผลใช้บังคับกับสมาชิก 10 ประเทศ ได้แก่ บรูไนดารุสซาลาม กัมพูชา สปป.ลาว สิงคโปร์ ไทย เวียดนาม ออสเตรเลีย จีน ญี่ปุ่น และนิวซีแลนด์ เมื่อวันที่ 1 ม.ค. ที่ผ่านมา และประเทศสมาชิก RCEP ที่เหลืออีก 5 ประเทศ ได้เริ่มทยอยยื่นให้สัตยาบันความตกลง RCEP โดยเกาหลีใต้ได้ให้สัตยาบันเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 2564 ส่งผลให้ความตกลง RCEP จะมีผลใช้บังคับกับเกาหลีใต้ ในวันที่ 1 ก.พ. 2565 และล่าสุด มาเลเซียได้ให้สัตยาบันเมื่อวันที่ 17 ม.ค. 2565 ส่งผลให้ความตกลง RCEP จะมีผลใช้บังคับกับมาเลเซียในวันที่ 18 มี.ค.ม 2565 สำหรับประเทศที่เหลือคาดว่าจะยื่นให้สัตยาบันให้ความตกลงฯ มีผลใช้บังคับเร็วๆ นี้ 

นางอรมน  กล่าวว่า  ในส่วนของไทย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้ความสำคัญกับการเตรียมการรองรับการมีผลบังคับใช้ของ RCEP อย่างเต็มที่ โดยได้เร่งรัดให้หน่วยงานภาครัฐดำเนินการกระบวนการภายในในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถใช้สิทธิประโยชน์จาก RCEP กับเกาหลีใต้และมาเลเซีย โดยเกาหลีใต้จะยกเว้นภาษีสินค้าให้ไทย 90.7%  ของรายการสินค้าทั้งหมด ซึ่งจะยกเว้นภาษีทันที 7,843 รายการ ในวันที่ 1 ก.พ. 2565 นอกจากนี้ ยังเปิดตลาดเพิ่มเติมให้กับสินค้าไทย 413 รายการ จากที่เคยให้ไทยภายใต้ FTA อาเซียน-เกาหลี เช่น ผักผลไม้แปรรูปและไม่แปรรูป น้ำมันที่ได้จากพืช ของปรุงแต่งจากธัญพืช แป้งมันสำปะหลัง สินค้าประมง พลาสติก เครื่องแก้ว ชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้า เคมีภัณฑ์ ด้ายทำด้วยยางวัลแคไนซ์ รถจักรยาน เครื่องยนต์เรือและส่วนประกอบ กระเบื้อง ซีเมนต์ เป็นต้น ซึ่งมีทั้งที่เริ่มยกเว้นภาษีในวันที่ 1 ก.พ. 2565 และที่ทยอยลดและยกเว้นภาษีภายใน 10-20 ปี    

เกาหลีใต้-มาเลเซีย  พร้อมใช้ RCEP  ส่งผลสินค้าไทยได้รับการยกเว้นภาษีกว่า 90%

นอกจากการเปิดตลาดด้านการค้าสินค้าภายใต้ความตกลง RCEP ในส่วนการเปิดตลาดการค้าบริการยังจะช่วยสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยเข้าไปลงทุนในเกาหลีใต้ในสาขาที่ไทยมีศักยภาพ อาทิ ธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับภาพยนตร์และบันเทิง ประเภทเทคนิคตัดต่อภาพและเสียง และการผลิตแอนิเมชั่น ตลอดจนธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว บริการด้านสิ่งแวดล้อม และเกมส์ออนไลน์ ทั้งนี้ ในปี 2564 เกาหลีใต้เป็นคู่ค้าอันดับ 10 ของไทย โดยมีมูลค่าการค้ารวม 15,801.79 ล้านดอลลาร์ คิดเป็น 2.93%  ของการค้ารวมของไทยกับโลก เป็นการส่งออก 5,882.98 ล้านดอลลาร์ และการนำเข้า 9,918.80 ล้านดอลลาร์

ในส่วนของมาเลเซียก็จะยกเว้นภาษีสินค้านำเข้าให้ไทย 90%  ของรายการสินค้าทั้งหมด โดยในวันที่ 18 มี.ค. 2565 จะยกเว้นภาษีทันทีถึง 6,590 รายการ เช่น ยางธรรมชาติและน้ำยางธรรมชาติ วงจรรวมที่ใช้ในทางอิเล็กทรอนิกส์และส่วนประกอบ ฮาร์ดดิสก์ไดรว์ วงจรพิมพ์ อาหารสุนัขหรือแมว อาหารปรุงแต่งสำหรับทารก น้ำมันเนื้อในเมล็ดปาล์ม เครื่องยนต์ และเม็ดพลาสติก (โพลิคาร์บอเนต) เป็นต้น

ทั้งนี้ ในฐานะสมาชิกอาเซียน มาเลเซียได้เปิดเสรีการค้าสินค้า การค้าบริการ และการลงทุนระหว่างกัน มากกว่าที่เปิดให้ประเทศนอกกลุ่มอยู่แล้วภายใต้ความตกลงอาเซียน ผู้ส่งออกของไทยจึงมีทางเลือกในการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ความตกลงอาเซียน หรืออาเซียน+1 อื่น ที่มาเลเซียลดภาษีให้ไทยมากกว่า หรือภายใต้ความตกลง RCEP เพื่อใช้ประโยชน์จากการสะสมถิ่นกำเนิดสินค้า สำหรับในปี 2564 มาเลเซียเป็นคู่ค้าอันดับ 5 ของไทย โดยมีมูลค่าการค้ารวม 24,076.37 ล้านดอลลาร์  คิดเป็น 4.47 % ของการค้ารวมของไทยกับโลก เป็นการส่งออก 12,058.24 ล้านดอลลาร์ และการนำเข้า 12,018.14 ล้านดอลลาร์

“ความตกลง RCEP จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยผู้ประกอบการสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม อาทิ อัตราภาษีศุลกากรภายใต้ความตกลง RCEP ได้ที่ศูนย์ RCEP Center กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ นอกจากนี้ กรมฯ ยังได้จัดทำ E-Book ความตกลง RCEP ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เพื่อให้ผู้สนใจนำไปใช้ได้อย่างสะดวก โดยสามารถเข้าไปสืบค้นได้ที่เว็บไซต์ www.dtn.go.th”