อากาศรุนแรงสุดขั้วก่อต้นทุนศก.มหาศาล

อากาศรุนแรงสุดขั้วก่อต้นทุนศก.มหาศาล

สภาพอากาศรุนแรงสุดขั้วกำลังเป็นปัญหาและก่อต้นทุนทางเศรษฐกิจที่ประเมินค่าไม่ได้แก่ประเทศที่ได้รับผลกระทบ ทั้งหิมะตกหนักในตุรกีที่ทำให้ต้องปิดการบริการที่สนามบินอิสตันบูล ขณะพายุหิมะเอลพิดาที่ถล่มกรุงเอเธนส์ ทำให้การจราจรบนถนนเป็นอัมพาต

พื้นที่ส่วนใหญ่ในกรีซและตุรกีถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน เพราะอิทธิพลของพายุหิมะชื่อ“เอลพิดา”ที่พัดถล่มตั้งแต่วันจันทร์(24 ม.ค) และอิทธิพลของพายุหิมะนี้ทำให้อุณหภูมิตอนกลางคืนติดลบ 14 องศาเซลเซียส ส่งผลให้โรงเรียนและศูนย์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ต้องปิดทำการ       

รัฐบาลกรีซ ประกาศให้ช่วงที่พายุหิมะถล่มเป็นวันหยุดเพื่อให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ต่างๆของประเทศ ซึ่งรวมถึงกรุงเอเธนส์เมืองหลวงอยู่แต่ในบ้าน ไม่ออกไปข้างนอก

“เราขอให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน ไม่จำเป็นไม่ต้องออกนอกบ้านเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญกับสภาพอากาศรุนแรง เพราะในบางพื้นที่มีหิมะตกหนักอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน”คริสตอส สไตเลียเนดส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคุ้มครองพลเรือนและสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงของกรีซ กล่าว 

ปีนี้ถือเป็นปีที่สองที่กรุงเอเธนส์เจอกับพายุหิมะในช่วงฤดูหนาว ซึ่งนอกจากจะทำให้การจราจรบนถนนเป็นอัมพาตแล้ว ยังทำให้เที่ยวบินล่าช้า รถไฟและรถบัส รวมทั้งร้านค้าและธนาคารบางแห่งต้องหยุดให้บริการ

ทางการกรีซ คาดการณ์ว่า หิมะยังจะตกอย่างหนักตลอดวันนี้(25ม.ค.) จึงขอให้ร้านค้าที่ไม่มีความจำเป็นในการดำรงชีวิต ปิดร้านต่ออีก 1 วัน(26ม.ค.)

ขณะเดียวกัน รายงานข่าวระบุว่า เกิดหิมะตกหนักเกือบทุกพื้นที่ของตุรกี รวมถึงหลายเมืองใหญ่ เช่น อิสตันบูลและกรุงอังการา สร้างความยากลำบากแก่การเดินทางสัญจร ทั้งทางบกและทางอากาศ ขณะที่สำนักอุตุนิยมวิทยาประกาศเตือนว่า คลื่นความหนาวเย็นอาจจะปกคลุมต่อไปจนถึงสุดสัปดาห์หน้า

“อาดิล เตค” นักอุตุนิยมวิทยาของตุรกี กล่าวว่า ตุรกีกำลังตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของกระแสลมวนขั้วโลกเหนือ คาดว่า อุณหภูมิจะติดลบ14 องศาเซลเซียสในหลายจังหวัด และความหนาวเย็นจะแผ่ปกคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ ประมาณ 2 สัปดาห์ ถือเป็นหนึ่งในช่วงอากาศหนาวเย็นที่ยาวนานที่สุดของตุรกี ในระยะ 10 ปีที่ผ่านมา

สายการบินตุรกี แอร์ไลน์ ประกาศว่า พายุหิมะที่พัดเข้ามาทำให้สายการบินยกเลิกเที่ยวบินต่างๆรวม 77 เที่ยวบินจากสนามบินซาบิฮา กอคเซน ในเมืองอิสตันบูล ระหว่างวันเสาร์และวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

ขณะที่มีรายงานการจราจรทางบกติดขัด โดยเฉพาะในเมืองใหญ่อย่างอิสตันบูล ซึ่งมีหิมะตกทับถมสูงถึง 20 เซนติเมตรในหลายพื้นที่ของเมือง ส่วนกรุงอังการา หิมะตกหนักฝังกลบถนนส่วนใหญ่ ทั้งในเขตใจกลางและชานเมือง ทำให้การขับขี่รถยนต์เป็นไปด้วยความยากลำบาก แม้ทางการจะระดมเจ้าหน้าที่เทศบาลตักหรือกวาดหิมะตลอด 24 ชั่วโมงก็ตาม 

ขณะเดียวกัน เว็บไซต์อัลจาซีราห์ รายงานว่าไต้ฝุ่นราอีที่พัดถล่มฟิลิปปินส์ เมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา สร้างความเสียหายแก่บ้านเรือนในฟิลิปปินส์จำนวน 1.5 ล้านหลัง ส่วนหน่วยงานกาชาดสากล ระบุว่า จำเป็นต้องใช้เงิน 22 ล้านดอลลาร์เพื่อช่วยเหลือและเยียวยาประชาชนจำนวนกว่า 400,000 คนที่ได้รับผลกระทบจากพายุลูกนี้ในระยะ 2 ปีข้างหน้า

พายุไต้ฝุ่นราอี ส่งผลกระทบต่อประชาชนกว่า 4.2 ล้านคนใน 11 ภูมิภาคทางตอนกลางและใต้ของฟิลิปปินส์ รวมถึงบางส่วนบนเกาะลูซอน นอกจากนี้ ยังทำให้มีประชาชนกว่า 570,000 ราย ต้องอพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัย โดยมีเกือบ 315,000 ราย ต้องอยู่ในศูนย์อพยพชั่วคราว 1,179 แห่ง และมีบ้านเรือนกว่า 500,000 หลังคาเรือนถูกทำลาย

นับตั้งแต่พายุราอีพัดถล่มประเทศ กาชาดฟิลิปปินส์ ได้จัดหาที่พักพิงฉุกเฉินให้แก่ประชาชน 36,000 คนที่ได้รับผลกระทบจากพายุลูกนี้ รวมทั้งจัดหาวัสดุก่อสร้างและผ้าใบกันน้ำเพื่อนำไปสร้างที่พักพิงชั่วคราว

“พายุไต้ฝุ่นราอีพัดเข้ามาในช่วงที่ฟิลิปปินส์กำลังเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 และอยู่ในช่วงที่กำลังมีการรณรงค์ทางการเมือง ทำให้หายนะภัยทางธรรมชาติถูดลดทอนความสำคัญลงไป ซึ่งผลพวงหรือความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ควรถูกลืมภายในเวลาชั่วข้ามคืน”ริชาร์ด กอร์ดอน ประธานสำนักงานกาชาดฟิลิปปินส์ กล่าว