ความต้องการเซมิคอนดักเตอร์ (ชิพ)ทั่วโลกพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในปี 2565

ความต้องการเซมิคอนดักเตอร์ (ชิพ)ทั่วโลกพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในปี 2565

World Semiconductor Trade Statistics (ดับเบิลยูเอสทีเอส) คาดการณ์ว่า ความต้องการเซมิคอนดักเตอร์(ชิพ)ทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 8.8% สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่กว่า 6 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2565 หลังจากที่พุ่งขึ้น 25.6% ในปีนี้

รายงานประเมินว่า ตลาดเซมิคอนดักเตอร์จะมีมูลค่า 6.0149 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2565 แซงหน้าสถิติเดิมที่คาดไว้ที่ 5.5296 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2564
 ความต้องการชิพสำหรับแล็ปท็อปและคอมพิวเตอร์แท็บเล็ต

รวมถึงอุปกรณ์ Wi-Fi เพิ่มขึ้นมากเนื่องจากการใช้ในการทำงานทางไกลและการเรียนออนไลน์หลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ขณะที่ยอดขายเครื่องเกมคอนโซลก็เพิ่มขึ้นเช่นกันเนื่องจากผู้บริโภคเลือกจะหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมนอกบ้านโดยไม่จำเป็น ทำให้มีความต้องการชิพเพิ่มเติม

นอกจากนี้ การเปิดเศรษฐกิจใหม่ รวมถึงความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ยังทำให้มีความต้องการชิพสำหรับการใช้ในยานยนต์และผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่แข็งแกร่งไปถึงปีหน้า

อุตสาหกรรมผู้ผลิตชิพคาดว่าอุปสงค์และอุปทานจะยังคงตึงตัวไปอีกสักพั

นายแพท เกลซินเกอร์ ซีอีโอของอินเทล คอร์ปกล่าวว่า ปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกจะต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะลดลง

แนวโน้มดังกล่าวได้ผลักดันให้รัฐบาลบางประเทศใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าจะมีซัพพลายชิพที่มั่นคง เพื่อใช้ในผลิตภัณฑ์มากมาย ตั้งแต่สมาร์ทโฟนและยานยนต์จนถึงอุปกรณ์เครือข่ายความเร็วสูง

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่นตัดสินใจจัดสรรประมาณ 4 แสนล้านเยน (3.5 พันล้านดอลลาร์) เพื่อช่วยบริษัทไต้หวัน เซมิคอนดัคเตอร์ แมนูแฟคเจอริง โค (ทีเอสเอ็มซี) ในการสร้างโรงงานแห่งใหม่ในจังหวัดคุมาโมโตะ

ขณะที่เมื่อเดือนที่แล้ว มาเกรเด เวสเทเออร์ กรรมาธิการด้านการแข่งขันของสหภาพยุโรป (อียู) เปิดเผยว่าอียูกำลังพิจารณาจะผ่อนคลายกฎความช่วยเหลือจากรัฐเพื่อให้สนับสนุนเงินทุนสำหรับโรงงานผลิตชิพแห่งใหม่ใน 27 ประเทศของอียู

ดับเบิลยูเอสทีเอส ระบุว่า เมื่อแยกตามภูมิภาคนั้น คาดกันว่าภูมิภาคอเมริกาจะมีความต้องการชิพเพิ่มขึ้นมากที่สุดในปี 2565 ด้วยความต้องการพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 10.3%

ตามด้วยในญี่ปุ่นที่เพิ่มขึ้น 9.3% ส่วนตลาดชิพในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ไม่รวมญี่ปุ่นคาดว่าจะเติบโต 8.4% และในยุโรปเพิ่มขึ้น 7.1%