ซัมซุงปรับโครงสร้าง-ตั้งซีอีโอใหม่แต่ละยูนิต

ซัมซุง ปรับโครงสร้าง เปลี่ยนตัวซีอีโอแต่ละยูนิต ตามแผนรองประธาน“ลี”ที่ต้องการแสวงหาแนวทางธุรกิจใหม่ๆ พร้อมรวมหน่วยงานด้านมือถือเข้ากับผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ หวังเพิ่มขีดแข่งขันในตลาดโลก
เว็บไซต์ข่าวนิกเคอิ เอเชีย รายงานว่า ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์เปลี่ยนตัวประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร(ซีอีโอ)หน่วยงานแต่ละแห่งในเครือใหม่หมดพร้อมทั้งลดโครงสร้างบริษัทให้มีขนาดเล็กลงเหลือเพียง2 ธุรกิจหลักเนื่องจาก“ลี แจยอง”รองประธานต้องการให้บริษัทอยู่ในฐานะที่สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก
ซัมซุงประกาศเมื่อวันอังคาร(7ธ.ค.)ว่า“เกียง กี-ฮุน”หัวหน้าแผนก“ซัมซุง อิเล็กโทร-แมคคานิกส์”ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งซีอีโอหน่วยงานด้านดีไวซ์โซลูชันของบริษัท ซึ่งจะเน้นในเรื่องของเซมิคอนดักเตอร์
ส่วน“ฮัน จอง-ฮี” ซึ่งบริหารธุรกิจทีวีของบริษัทในตอนนี้ได้รับการแต่งตั้งเป็นซีอีโอแผนกที่ตั้งขึ้นจากการผนวกรวมแผนกอิเล็กทรอนิกส์เพื่อผู้บริโภคเข้ากับแผนผลิตภัณฑ์เคลื่อนที่ ที่ครอบคลุมถึงสมาร์ทโฟน ทีวีและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆหลังจากปรับโครงสร้างใหม่แล้ว บริษัทจะมีซีอีโอสองคนจากก่อนเดิมที่มีสามคน
การปรับโครงสร้างครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่กระทรวงยุติธรรมเกาหลีใต้ ตัดสินใจให้ลี ได้รับทัณฑ์บนเมื่อเดือนส.ค.หลังจากพิจารณาทบทวนหลายๆ ปัจจัย เช่น ความรู้สึกของสาธารณชน และพฤติกรรมที่ดีของเขาระหว่างถูกคุมขัง
ลี วัย 53 ปี ถูกดำเนินคดีฐานจ่ายสินบนให้แก่เพื่อนหญิงคนสนิทของอดีตประธานาธิบดีปาร์ก กึน-ฮเย และถูกศาลสั่งจำคุกครั้งแรกเป็นเวลา 5 ปี เมื่อปี2560 ก่อนจะได้รับการปล่อยตัวในปีถัดมาเนื่องจากศาลอุทธรณ์ยกฟ้องเกือบทุกข้อหาในคดีจ่ายสินบน ส่วนความผิดอื่นๆ ให้รอลงอาญา
ต่อมา ศาลสูงสุดเกาหลีใต้ได้สั่งรื้อคดีขึ้นมาใหม่ ทำให้เรื่องถูกตีกลับไปยังศาลชั้นต้น ซึ่งได้พิพากษาจำคุก ลี เป็นเวลา 2 ปีครึ่งเมื่อต้นปีนี้
อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดการปล่อยตัวลี คือกระแสเรียกร้องจากประชาคมธุรกิจและการเมืองเกาหลีใต้ที่เกรงว่าการที่ ลี ถูกจำคุกอาจส่งผลต่อการตัดสินใจในเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญของซัมซุง และจะกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ
แม้การดำเนินธุรกิจรายวันของซัมซุง ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิพและสมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่สุดของโลกจะไม่ได้รับผลกระทบจากการหายไปของ ลี แต่แหล่งข่าวในบริษัทยอมรับว่า การลงทุนสำคัญๆ รวมไปถึงการควบกิจการ (เอ็มแอนด์เอ) เป็นสิ่งที่คนอื่นจะตัดสินใจแทน ลี ไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเลือกสถานที่ตั้งโรงงานผลิตชิพในสหรัฐมูลค่า 17,000 ล้านดอลลาร์
ท่ามกลางภาวะขาดแคลนชิพในตลาดโลก รวมไปถึงการแข่งขันที่ดุเดือดจากบริษัทคู่แข่งอย่างไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ เมนูแฟกเจอริง โค (ทีเอสเอ็มซี) และ อินเทล คอร์ป
การประกาศปรับโครงสร้างยังเกิดขึ้นในช่วงที่มีกระแสคาดการณ์มากว่าลีจะยังคงดำรงตำแหน่งรองประธานซัมซุงต่อไป เมื่อพิจารณาจากผลประกอบการที่ดีเกินคาดเมื่อไม่นานมานี้ของบริษัท โดยกำไรจากการดำเนินงานของซัมซุงเพิ่มขึ้น 40% ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 อานิสงส์จากความต้องการสินค้าของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะชิพความจำและสมาร์ทโฟน
ลี ซึ่งเป็นผู้นำรุ่นที่3 เดินตามรอยเท้าปู่ของเขา ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัทซัมซุงและก่อของเขาซึ่งปรับโฉมซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ให้กลายเป็นบริษัทระดับโลกในทุกก้าว ขณะที่บรรดานักวิเคราะห์ มีความเห็นว่า ลี พยายามกำหนดแนวทางใหม่ในการดำเนินธุรกิจท่ามกลางกระแสเรียกร้องให้ทรานส์ฟอร์มธุรกิจทั้งภายในบริษัทและในสังคมเกาหลีใต้
“ที่ผ่านมา ซัมซุงต่อสู้ดิ้นรนเพื่อรับมือกับเสียงร้องทุกข์มากมายที่เกี่ยวข้องกับด้านทรัพยากรมนุษย์และการจ่ายเงินชดเชย การปรับโครงสร้างครั้งนี้อาจนำบริษัทไปสู่สิ่งใหม่ๆ รวมทั้งเป็นขวัญและกำลังใจแก่พนักงาน”ซีดับเบิลยู ชุง นักวิเคราะห์ระดับอาวุโสจากโนมูระ ให้ความเห็น
ทุกวันนี้ บรรดาพนักงานรุ่นหนุ่มสาวของซัมซุงพยายามล็อบบี้ให้มีการปรับขึ้นเงินเดือน ขณะที่กลุ่มนักกฏหมายและพลเมืองกลุ่มต่างๆพยายามกดดันบริษัทให้ดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใสมากขึ้น รวมถึง“แชโบล”อื่นๆในเกาหลีใต้ด้วย





