ปธน.แอฟริกาใต้วอนทั่วโลกถอนคำสั่งแบนเดินทางสกัด‘โอไมครอน’

ปธน.แอฟริกาใต้วอนทั่วโลกถอนคำสั่งแบนเดินทางสกัด‘โอไมครอน’

ประธานาธิบดี“ไคริล รามาโฟซา”ของแอฟริกาใต้ เรียกร้องนานาประเทศยุติการห้าม 8 ประเทศจากแอฟริกาใต้เดินทางเข้าประเทศเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ โอไมครอน ระบุเป็นการกระทำที่ไม่ยุติธรรม

ประธานาธิบดีรามาโฟซา ซึ่งแถลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่โอไมครอน ระบุว่าการห้ามผู้คนจากแอฟริกาใต้เดินทางเข้าไปยังประเทศต่างๆมีแต่จะสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจแก่ประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19และบั่นทอนขีดความสามารถในการตอบสนอง หรือรับมือการระบาดของโรคนี้ รวมทั้งทำลายความพยายามฟื้นฟูสถานการณ์การแพร่ระบาดให้ดีขึ้น

"คำสั่งห้ามของประเทศต่างๆที่เกิดขึ้นในขณะนี้ไม่ยุติธรรมและไม่ชอบธรรม เป็นการเลือกปฏิบัติต่อประเทศของเราและต่อประเทศเพื่อนบ้านเราในแอฟริกาใต้"ประธานาธิบดีรามาโฟซา กล่าว

ทั้งนี้ สถานการณ์ป้องกันโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนเข้าประเทศเข้มข้นขึ้นทุกขณะ หลายประเทศรวมถึงศูนย์กลางการบินสำคัญอย่างกาตาร์ สหรัฐ บาห์เรน ซาอุดีอาระเบีย คูเวต และเนเธอร์แลนด์ ประกาศจำกัดการเดินทางกับคนที่มาจากแอฟริกาตอนใต้ แต่ที่เข้มงวดที่สุดคืออิสราเอล

เย็นวานนี้ (28 พ.ย.) สำนักนายกรัฐมนตรีอิสราเอลห้ามพลเมืองต่างชาติเดินทางเข้าประเทศ ยกเว้นผู้ที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการพิเศษเท่านั้น พลเมืองอิสราเอลต้องแสดงผลตรวจพีซีอาร์เป็นลบ และต้องกักตัวเองเป็นเวลา 3 วันกรณีที่ฉีดวัคซีนแล้ว ส่วนคนที่ไม่ฉีดต้องกักตัวเอง 7 วัน

คำประกาศล่าสุดของรัฐบาลอิสราเอลเกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงก่อนชาวยิวเริ่มวันหยุดยาว 8 วันในเทศกาลฮานุกกาห์ หรือเทศกาลแห่งแสงสว่าง