‘ดาวโจนส์’ร่วงในกรอบแคบ 36 จุดตลาดปรับฐานหลังพุ่งแรงเมื่อวันศุกร์

‘ดาวโจนส์’ร่วงในกรอบแคบ 36 จุดตลาดปรับฐานหลังพุ่งแรงเมื่อวันศุกร์

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันจันทร์ (18ต.ค.)ร่วงลงในกรอบแคบ 36 จุด โดยตลาดปรับฐานหลังจากพุ่งขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่การซื้อขายในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทวันนี้ถูกกดดันจากการดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลดลง 36.15 จุด หรือ 0.10% ปิดที่ 35,258.61 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 15.09 จุด หรือ 0.34% ปิดที่ 4,486.46 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 124.47 จุด หรือ 0.84% ปิดที่ 15,021.81 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดเมื่อวันศุกร์ (15ต.ค.)ทำสถิติปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดเมื่อคิดเป็นเปอร์เซนต์นับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา

โดยได้แรงหนุนจากยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่ง และผลประกอบการที่สดใสของโกลด์แมน แซคส์ ขณะที่หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจต่างดีดตัวขึ้นขานรับการเปิดประเทศของสหรัฐ จากการที่รัฐบาลสหรัฐประกาศยกเลิกคำสั่งห้ามชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศ หากได้รับการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ครบโดส

การซื้อขายในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทวันนี้ถูกกดดันจากการดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ รวมทั้งการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 3 ที่ต่ำกว่าคาดของจีน

นอกจากนี้ นักลงทุนกังวลต่อการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อจากการทะยานขึ้นของราคาน้ำมันในระยะนี้
 

ตลาดยังคงจับตาการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้ หลังการเปิดเผยผลประกอบการของกลุ่มธนาคารที่แข็งแกร่งในสัปดาห์ที่แล้ว

ขณะนี้ บริษัทจำนวน 41 แห่งในดัชนีเอสแอนด์พี500 ได้รายงานผลประกอบการในไตรมาส 3 แล้ว โดย 80% จากจำนวนดังกล่าว ต่างก็มีกำไรสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้

ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าบริษัทจดทะเบียนจะมีการขยายตัวของกำไรในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นถึง 30% ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวของกำไรรายไตรมาสสูงที่สุดเป็นอันดับ 3 ของบริษัทในดัชนีเอสแอนด์พี 500 นับตั้งแต่ปี 2553