ดาวโจนส์บวกในกรอบแคบ 90 จุดอานิสงส์จากการชลอตัวของบอนด์ยีลด์

ดาวโจนส์บวกในกรอบแคบ 90 จุดอานิสงส์จากการชลอตัวของบอนด์ยีลด์

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันพุธ(29 ก.ย.)ดีดตัวขึ้นในกรอบแคบ 90 จุด อานิสงส์จากการชะลอตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ

นอกจากนี้ ดัชนีดาวโจนส์ยังได้ปัจจัยหนุนจากการเปิดเผยดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 90.73 จุด หรือ 0.26% ปิดที่ 34,390.72 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 6.83 จุด หรือ 0.16% ปิดที่ 4,359.46 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 34.24 จุด หรือ 0.24% ปิดที่ 14,512.44 จุด

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวลงในวันนี้ หลังจากพุ่งแตะ 1.567% เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีต่างดีดตัวขึ้นในวันนี้

ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลง 1.63% เมื่อวานนี้ ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ร่วงลง 2.04% และดัชนีแนสแด็ก ทรุดตัวลง 2.83% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.

โดยถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ, ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ รวมทั้งความขัดแย้งในสภาคองเกรสเกี่ยวกับการอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวและการเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐ

นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เตือนว่าสหรัฐอาจเผชิญภาวะเงินเฟ้อพุ่งสูงยาวนานกว่าที่คาดการณ์ไว้

“เงินเฟ้อได้เร่งตัวขึ้นในขณะนี้ และมีแนวโน้มยังคงอยู่ในระดับสูงในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ก่อนที่จะอ่อนตัวลง” นายพาวเวลกล่าว
 

แม้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทฟื้นตัวขึ้นในวันนี้ แต่ก็มีแนวโน้มที่จะยังคงรักษาสถิติในการปรับตัวลงในเดือนก.ย.ของทุกปี

หากพิจารณาตั้งแต่ต้นเดือนก.ย.ปีนี้ ดัชนีดาวโจนส์และดัชนีเอสแอนด์พี 500 ต่างก็ร่วงลง 3% ขณะที่ดัชนีแนสแด็กทรุดตัวลงมากกว่า 4.5% และจากการที่เหลือวันทำการซื้อขายอีกเพียง 2 วันในสหรัฐ ทำให้เป็นเรื่องยากที่ดัชนีทั้ง 3 จะสามารถพลิกดีดตัวกลับมาเป็นบวกในเดือนก.ย.

สถิติในอดีตบ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทมักปรับตัวย่ำแย่ในเดือนก.ย.

ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (เอ็นเออาร์) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) พุ่งขึ้น 8.1% สู่ระดับ 119.5 ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.4%

อย่างไรก็ดี ดัชนียังคงถูกกดดันจากสต็อกบ้านที่ตึงตัว และราคาบ้านในระดับสูงและเมื่อเทียบรายปี ดัชนีร่วงลง 8.3% ในเดือนส.ค.

ทั้งนี้ ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย เป็นมาตรวัดจำนวนสัญญาซื้อบ้านมือสองที่มีการเซ็นสัญญาแล้วแต่ยังไม่ได้ปิดการขาย และโดยปกติแล้วจะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือนสำหรับการเซ็นสัญญาจนกระทั่งปิดการขาย