หนังเล่าโลก: The Mule ‘ค้ายาเสพติดไม่ใช่คำตอบ’

The Mule ภาพยนตร์ปี 2561 ผลงานการกำกับของคลินท์ อีสต์วูด บอกเล่าเรื่องราวของเอิร์ล สโตน ชาวสวนลิลลี วัย 90 ปี อดีตทหารผ่านศึกสงครามเกาหลี ที่ประสบความสำเร็จในอาชีพเกษตรกร ปี 2548 ดอกลิลลีจากสวนของเอิร์ลกวาดรางวัลมาแล้วทั่วประเทศ แต่ 12 ปีต่อมากิจการของเขาเจ๊งไม่เป็นท่าเพราะเจอ internet disruption การขายต้นไม้ออนไลน์ที่เอิร์ลเคยดูถูกทำให้เขาไร้ที่อยู่ที่ยืน  บ้านและสวนถูกธนาคารยึด ที่หนักหนากว่านั้นคือไม่ได้รับการให้อภัยจากครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นอดีตภรรยาหรือลูกสาวคนเดียว มีเพียงหลานสาวเท่านั้นที่ยังศรัทธาคุณตาคนนี้ แต่เมื่อเอิร์ลถังแตก ที่เคยรับปากกับหลานว่าจะเป็นเจ้าภาพงานแต่งงานก็น่าจะทำไม่ได้ตามสัญญาเสียแล้ว เหมือนกับที่เขาเคยผิดสัญญากับครอบครัวมาโดยตลอด ซึ่งเอิร์ลจะยอมทำผิดซ้ำซากแบบเดิมอีกไม่ได้ 

การตกที่นั่งลำบากทำให้เอิร์ลต้องยอมรับงานขับรถขนส่งสินค้าข้ามเมืองไปส่งที่ชายแดนเม็กซิโก ด้วยคุณสมบัติผู้เฒ่า ไม่เคยมีประวัติอาชญากรรม ขับรถดีไม่เคยโดนใบสั่งมาเลยตลอดชีวิต เอิร์ลมีคุณสมบัติเหมาะสมสุดๆ เขาซื่อสัตย์กับลูกค้าถึงขนาดตอนแรกๆ ไม่เคยเปิดสินค้าดูตามที่ได้รับคำสั่ง แต่เมื่อวันหนึ่งพบว่าสินค้าที่ตนขับไปส่งในระยะทางไกลๆ นั้นคือโคเคน เอิร์ลก็ไม่ได้ยี่หระเพราะงานนี้เป็นงานง่าย เงินดี การทำงานของเอิร์ลสมูธชนิดที่เครือข่ายยาเสพติดเพิ่มปริมาณสินค้าที่เอิร์ลขนส่งในแต่ละรอบเข้าหลักหลายร้อยกิโลกรัม มูลค่าหลายล้านบาท เอิร์ลทำผลงานดีจนเจ้าพ่อยาเสพติดรายใหญ่ในเม็กซิโกต้องรับตัวเอิร์ลไปเฉลิมฉลองกันที่คฤหาสน์ส่วนตัว 

เมื่อดูหนังเรื่องนี้แว้บแรกที่คิดถึงคือ นโยบายสร้างกำแพงกั้นระหว่างสหรัฐกับเม็กซิโกของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อสกัดการลักลอบเข้าเมืองและยาเสพติด ตอนหาเสียงเมื่อเดือน มิ.ย.2558 เขาเคยพูดว่า เม็กซิโกส่งคนไม่ดีมาให้สหรัฐ เข้ามาแล้วก็เอาปัญหามาด้วยทั้งยาเสพติด อาชญากรรม และข่มขืน แต่คนดีก็มีอยู่บ้าง 

นั่นเป็นเรื่องอดีตสมัยทรัมป์ เมื่อเร็วๆ นี้เว็บไซต์ไฟแนนเชียลไทม์สรายงานว่าแก๊งอาชญากรรมในเม็กซิโกใช้เครือข่ายที่ก่อตั้งมานานแล้วส่งเฟนทานิลยาระงับปวดประสิทธิภาพสูงในกลุ่มโอปิออยด์มายังสหรัฐได้กำไรงาม ผู้เสพเผยว่าทำให้เคลิ้มกว่า แรงกว่า และราคาถูกกว่าเฮโรอีน ขณะที่เมื่อไม่กี่วันก่อนเม็กซิโกฟ้องร้องบริษัทปืนในสหรัฐมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักลอบค้าอาวุธก่อให้เกิดเหตุรุนแรงในเม็กซิโก กระทรวงการต่างประเทศแถลงว่าอาวุธที่ยึดได้จากเหตุอาชญากรรมในเม็กซิโก 70%-90% ลักลอบนำเข้ามาจากสหรัฐ 

ปฏิเสธไม่ได้ว่าทั้งอาวุธและยาเสพติดดูจะแยกกันไม่ออกในการก่ออาชญากรรม  และการเป็นประเทศเพื่อนบ้านก็ไม่สามารถยกประเทศหนีจากกันได้ ปัญหายาเสพติดระหว่างสหรัฐกับเม็กซิโกยังดำรงอยู่ต้องใช้กำลังเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างเข้มงวด แต่ถ้าดูจากในหนังก็สะท้อนว่า เจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่ไหนๆ ก็เหมือนกัน มุ่งจับผู้ค้ายาเสพติดรายเล็กพอได้สร้างผลงานมากกว่าทลายเครือข่ายใหญ่ พูดแบบนี้จุดจบของเอิร์ลในฐานะคนส่งยาเสพติดที่ส่งสินค้าไปแล้ว 12 ครั้งจะเป็นแบบใดคงเดากันได้ไม่ยาก เจ้าตัวเองก็ยอมรับกับสิ่งที่ตนได้ทำลงไป ทั้งต่อการขนยาเสพติดและความผิดในอดีตที่เป็นคนบ้างานจนละทิ้งครอบครัว คล้ายๆ กับจะปลงว่า ต่อให้มีเงินมากเท่าใดก็ซื้อเวลาที่ผ่านไปไม่ได้ แต่คนดูบางคนอาจเห็นต่างว่า อย่างไรเสียมีเงินก็ยังดีกว่าไม่มี แต่วิธีการหาเงินไม่ควรมาจากการค้ายาเสพติดเท่านั้นเอง