อุตฯ'เฟอร์นิเจอร์'เวียดนามป่วน-สหรัฐเปิดสอบนำเข้าไม้เถื่อน

อุตฯ'เฟอร์นิเจอร์'เวียดนามป่วน-สหรัฐเปิดสอบนำเข้าไม้เถื่อน

อุตฯ'เฟอร์นิเจอร์'เวียดนามป่วน-สหรัฐเปิดสอบนำเข้าไม้เถื่อน ขณะนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมระบุรัฐบาลเวียดนามทำเป็นมองไม่เห็นและไม่ยอมลงโทษผู้ที่นำเข้าไม้อย่างผิดกฏหมายมานานหลายสิบปี

เวียดนาม ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วในฐานะแหล่งส่งออกเฟอร์นิเจอร์ไปยังประเทศต่างๆทั่วโลก กำลังมีปัญหาด้านการค้ากับรัฐบาลสหรัฐ ที่ถือเป็นตลาดเฟอร์นิเจอร์รายใหญ่สุดของเวียดนาม หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ประกาศสอบสวนและตรวจสอบอุตสาหกรรมไม้ของเวียดนาม รวมถึงการหาคำตอบว่าอุตสาหกรรมไม้เวียดนามใช้ไม้เถื่อนที่นำเข้าจากต่างประเทศด้วยหรือไม่

ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์เวียดนามขยายตัวอย่างมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการทำสงครามการค้ากับจีนของรัฐบาลสหรัฐภายใต้การบริหารของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เก็บภาษีเฟอร์นิเจอร์ส่งออกจากจีนในอุตราที่สูงถึง 25% ซึ่งจากข้อมูลของสำนักข่าวเวียดนาม นิวส์ ระบุว่า เมื่อปีที่แล้ว เวียดนามแทนที่จีนส่งออกเฟอร์นิเจอร์ไปสหรัฐ คิดเป็นมูลค่า 7,400 ล้านดอลลาร์ เทียบกับจีน ที่มีมูลค่าการส่งออกเฟอร์นิเจอร์ไปสหรัฐอยู่ที่ 7,300 ล้านดอลลาร์

“ฮา คง ถ่วน”รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและพัฒนาท้องถิ่น ให้สัมภาษณ์สื่อท้องถิ่นของเวียดนาม เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาว่า รัฐบาลเวียดนามต้องการกระตุ้นการส่งออกผลิตภัณฑ์จากไม้จาก 13,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2563 เป็น 20,000 ล้านดอลลาร์ ภายในปี 2568 แต่นโยบายการค้าที่แข็งกร้าวของรัฐบาลสหรัฐชุดก่อนอาจจะทำให้ความต้องการของรัฐบาลเวียดนามไม่เป็นไปตามเป้า

ภายใต้นโยบายของทรัมป์ สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ(ยูเอสทีอาร์)เริ่มดำเนินการสอบสวนเมื่อเดือนต.ค.ปีที่แล้วในสองข้อกล่าวหา ภายใต้กฏหมายการค้ามาตรา 301 ข้อกล่าวหาแรกคือการบิดเบือนค่าเงินเพื่อหวังผลทางการค้าและอีกข้อกล่าวหาคืออุตสาหกรรมไม้ของเวียดนาม ซึ่งการตรวจสอบของรัฐบาลสหรัฐจะเน้นค้นหาความจริงว่าเวียดนามนำเข้าไม้อย่างผิดกฏหมายหรือไม่ หรือนำเข้าไม้ใกล้สูญพันธุ์ที่ละเมิดทั้งกฏหมายของเวียดนามเองและละเมิดกฏข้อบังคับในอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่าง ประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์(CITES)

“ฟุก ซวน โถ”นักวิเคราะห์ด้านนโยบายจากฟอร์เรสต์ เทรนด์ ให้สัมภาษณ์เว็บไซต์นิกเคอิ เอเชียว่า ตอนนี้นักธุรกิจในอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์เวียดนามวิตกกังวลอย่างมากว่าจะถูกรัฐบาลสหรัฐเก็บภาษีนำเข้าเฟอร์นิเจอร์ โดยปัจจุบันนี้ เวียดนามส่งออกผลิตภัณฑ์จากๆไม้ไปสหรัฐประมาณ 60%

อย่างไรก็ตาม บรรดานักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมพากันชื่นชมยินดีที่รัฐบาลสหรัฐประกาศว่าจะดำเนินการตรวจสอบการค้าไม้ของเวียดนาม โดยบอกว่า รัฐบาลเวียดนามทำเป็นตาบอด นิ่งเฉยไม่ยอมลงโทษผู้ที่นำเข้าไม้อย่างผิดกฏหมายมานานหลายสิบปี และการทำแบบนี้ทำให้เวียดนาม ซึ่งเป็นทั้งตลาดไม้เนื้อแข็งหรูหราและเป็นเส้นทางขนส่งไม้ไปจีน มีส่วนสนับสนุนทำให้เกิดการตัดไม้ทำลายป่าดิบชื้นทั่วโลก

ขณะที่กลุ่มผู้ส่งออกเฟอร์นิเจอร์ในเวียดนามและกลุ่มผู้นำเข้าชาวอเมริกัน วิจารณ์ว่าการตรวจสอบครั้งนี้ ไม่ยุติธรรมและถือเป็นการเก็บภาษีกับบรรดาผู้ส่งออกไม้ของเวียดนามทั้งหมด

กลุ่มผู้ค้าไม้ชาวอเมริกัน กล่าวในการประชุมทางออนไลน์ของยูเอสทีอาร์เมื่อเดือนธ.ค.ด้วยการคัดค้านการเก็บภาษีเฟอร์นิเจอร์ไม้จากเวียดนาม โดยระบุว่ามาตรการลงโทษแบบนี้ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคอเมริกัน และจะทำให้รัฐบาลเวียดนามออกมาตรการตอบโต้ ขณะที่เวียดนามเป็นประเทศผู้นำเข้าไม้รายใหญ่สุดอันดับ2ของสหรัฐในตลาดโลก

ข้อมูลจากฟอร์เรสต์ เทรนด์ ระบุว่า เวียดนามก้าวขึ้นมาเป็นโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์โลกในเวลาอันรวดเร็ว ในแต่ละปี เวียดนามนำเข้าไม้ซุง 4.5 ล้านลูกบาศก์เมตรจากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก และประมาณครึ่งหนึ่งของไม้เนื้อแข็งจากป่าร้อนชื้นนี้มาจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แอฟริกา และอเมริกาใต้ ซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่ไม้จากแหล่งที่มาเหล่านี้จะเป็นไม้ผิดกฏหมาย

ฟอร์เรสต์ เทรนด์ ระบุด้วยว่า การซื้อขายไม้เนื้อแข็งจากป่าเขตร้อนชื้นในหลายๆครั้งดำเนินการผ่านระบบออนไลน์ รวมทั้งสื่อสังคมออนไลน์อย่างเฟซบุ๊คและแอพพลิเคชันสำหรับการสนทนาของเวียดนามอย่างซาโล (Zalo)

ขณะที่ในเค้าโครงเอกสารการตรวจสอบเรื่องนี้ ยูเอสทีอาร์ อ้างว่ามี“รายงาน”และ“หลักฐาน”ที่บ่งชี้ว่ามีการนำเข้าไม้อย่างผิดกฏหมายเข้าไปในเวียดนามจากประเทศต่างๆ อาทิ กัมพูชา แคเมอรูน และสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก

เมื่อปี 2562 เวียดนามและสหภาพยุโรป(อียู)ได้ลงนามข้อตกลงเป็นหุ้นส่วนด้วยความสมัครใจ (Voluntary Partnership Agreement (วีพีเอ)ในการบังคับใช้กฎหมายป่าไม้ ธรรมาภิบาล และการค้า (Forest Law Enforcement, Governance and Trade)(เอฟแอลอีจีที)ร่วมกัน