วัคซีนเอาไม่อยู่! ชิลีปิดเมืองหลวงไม่มีกำหนด

วัคซีนเอาไม่อยู่! ชิลีปิดเมืองหลวงไม่มีกำหนด

ชิลิประกาศปิดกรุงซันติอาโกไม่มีกำหนด หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 สูงมากทั้งๆ ที่ประชากรกว่าครึ่งฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ชิลีเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ฉีดวัคซีนสูงสุดในโลก ประชาชน15 ล้านคนฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 โดสราว 75% ที่ฉีดครบ 2 โดสเกือบ 58% เมื่อเทียบอัตราการฉีดวัคซีนต่อหัวประชากรกับประเทศที่ใหญ่กว่า ชิลีฉีดวัคซีนได้สูงที่สุดในทวีปอเมริกา และสูงสุดอันดับ 5 ของโลก

ถึงขณะนี้ชิลีฉีดวัคซีนไปแล้วเกือบ 23 ล้านโดส เป็นซิโนแวค 17.2 ล้านโดส ไฟเซอร์/ไบออนเทค 4.6 ล้านโดส แอสตร้าเซนเนก้าและแคนซิโนอีกอย่างละไม่ถึง 1 ล้านโดส

กระทรวงสาธารณสุขชิลีเผยว่า ระหว่างวันพุธ (9 มิิ.ย.) - วันพฤหัสบดี (10 มิ.ย.) มีผู้ติดเชื้อยืนยันแล้ว 7,716 คน ในจำนวนนี้ 73% ฉีดวัคซีนครบแล้ว 74% อายุต่ำกว่า 49 ปี

เหตุการณ์นี้เป็นเครื่องเตือนใจรัฐบาลอื่นๆ ที่กำลังถกเถียงกันว่า ควรเปิดเศรษฐกิจหรือยังในช่วงที่ฉีดวัคซีนไปได้มากแล้ว โดยในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา จำนวนผู้ติดเชื้อยืนยันแล้วทั่วชิลีพุ่งขึ้น 17% ทั่วเขตเมืองหลวงรวมถึงกรุงซานติเอโก ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่ครึ่งประเทศ ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 25%

นายโฮเซ ลูอิซ เอสปิโนซา ประธานสมาพันธุ์สมาคมพยาบาลแห่งชาติชิลี กล่าวว่า เตียงห้องไอซียูในเขตเมืองหลวงตอนนี้ถูกใช้ไปแล้ว 98% “ทีมแพทย์ใกล้รับมือไม่ได้แล้ว”

ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อคนหนึี่งในโรงพยาบาลใหญ่ของกรุงซันติอาโก ที่ไม่ยอมเปิดเผยนาม กล่าวกับรอยเตอร์ว่า วัคซีนไม่สามารถลดภาระที่หนักหน่วงของโรงพยาบาลได้ทั้งหมด

“แม้ฉีดวัคซีนแล้วก็จะมีคนราว 10% ที่ยังเจ็บป่วยรุนแรง เมื่อประชาชนหลายแสนคนต้องเข้าไอซียูในช่วงที่ระบบสาธารณสุขใกล้ถึงขีดสุดเต็มที ตัวเลขแค่ 10% ก็มากพอทำให้โรงพยาบาลและแพทย์รับไม่ไหว”

ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์หลายคนเตือนว่า วัคซีนไม่ได้ผล 100% ต้องใช้เวลาระยะหนึ่งกว่าจะได้ประสิทธิภาพสูงสุด ประกอบกับผู้คนเหนื่อยล้าจากการล็อกดาวน์ และมีโควิดสายพันธุ์ใหม่ๆ ที่ติดต่อง่ายกว่าเกิดขึ้น ทั้งหมดนี้เสี่ยงทำให้ชิลีเกิดการระบาดระลอกสอง