‘หน้ากากอนามัย’ รัฐป่วนซัพพลายเชน

ท่ามกลางสถานการณ์หน้ากากอนามัยและชุดป้องกันขาดแคลนในช่วงไวรัสโคโรน่า 2019 หรือ โรคโควิด-19 ระบาด ธุรกิจต่างชาติในไทยและจีนกำลังถูกกดดันให้ผลิตสินค้าตามคำสั่งรัฐ สะท้อนภาพความเสี่ยงการพึ่งพาเอเชียให้เป็นโรงงานของโลกมากเกินไป
เว็บไซต์นิกเคอิรายงานว่า โคเค็น บริษัทผลิตหน้ากากสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์จากญี่ปุ่น ส่งออกสินค้าจากไทยไม่ได้เป็นเวลา 2 สัปดาห์แล้วเพราะรัฐบาลสั่งห้าม
ในจีน ทางการสั่งให้โรงงานทั้งหลายเปลี่ยนมาผลิตชุดป้องกันและหน้ากากอนามัย ไม่เว้นแม้แต่โรงงานที่เคยผลิตสินค้าให้แบรนด์ต่างชาติ เช่น ฟาสต์รีเทลลิงของญี่ปุ่น บริษัทแม่ของเสื้อผ้าแบรนด์ยูนิโคล่
บริษัทต่างชาติรายอื่นๆ ก็เจอคำสั่งแบบนี้เหมือนกัน หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานในเดือนนี้ว่า เมดิคอมกรุ๊ป บริษัทผลิตหน้ากากแคนาดาถูกสั่งให้ขายสินค้าที่ผลิตได้จากโรงงานเซี่ยงไฮ้แก่รัฐบาลท้องถิ่น เรสพิลอน บริษัทผลิตหน้ากากจากสาธารณรัฐเช็กเจอปัญหาในซัพพลายเชน เนื่องจากรัฐบาลจีนห้ามส่งออก
คำสั่งให้ขายหรือมอบผลผลิตแก่รัฐท่ามกลางวิกฤติด้านสุขภาพเป็นสิ่งที่หลายธุรกิจไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะเจอ
“คำสั่งดังกล่าวออกมาโดยไม่แจ้งล่วงหน้า พวกเราประหลาดใจมาก” โฆษกบริษัทโคเค็นยอมรับ
แม้แต่ในญี่ปุ่นเอง บริษัทผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อย่างชาร์ปก็หันมาผลิตหน้ากากอนามัยตามคำขอของรัฐบาล เป็นครั้งแรกที่ผู้ผลิตในประเทศผลิตสินค้าข้ามสาย
ในไทย กระทรวงพาณิชย์ประกาศเมื่อต้นเดือน ก.พ.ว่า จะควบคุมการส่งออกหน้ากากอนามัย ผู้ผลิตทุกรายต้องส่งคำขออนุญาตส่งออกให้รัฐบาลพิจารณาเป็นรายๆ ไป
ทั้งนี้ รัฐบาลไทยพยายามให้ความสำคัญกับซัพพลายในประเทศเป็นอันดับแรก ท่ามกลางสถานการณ์สินค้าขาดแคลน แต่ความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้ธุรกิจต่างชาติที่มีฐานการผลิตในไทยหลายรายออกอาการเครียด
หลังกระทรวงพาณิชย์ประกาศห้ามส่งออกสยาม โคเค็น บริษัทลูกในประเทศไทย ผลิตหน้ากากอนามัยเอ็น95 ใช้ทางการแพทย์ส่งออกหน้ากากอนามัยไปญี่ปุ่นไม่ได้เป็นเวลา 2 สัปดาห์ ต่อมาไทยผ่อนคลายกฎ โคเค็นกลับมาส่งออกได้ใหม่ แต่แหล่งข่าวหลายรายเผยว่า รัฐบาลไทยยอมให้ส่งออกโดยตั้งเงื่อนไขว่าสยาม โคเค็นจะต้องสำรองหน้ากากอนามัยส่วนหนึ่งไว้ใช้ในประเทศ
วิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวกับนิกเคอิว่า การอนุญาตส่งออกต้องหารือเฉพาะรายเพื่อสร้างหลักประกันว่า การส่งออกไม่ทำให้สินค้าในประเทศขาดแคลน
โคเค็น เข้ามาตั้งโรงงานในประเทศไทยเมื่อปี 2555 ตัวแทนบริษัทรายหนึ่งเผยว่า ที่เลือกไทยเป็นฐานการผลิตหน้ากากอนามัยนอกญี่ปุ่นแห่งเดียวของโคเค็น เพราะค่าแรงถูกและคนไทยมีทัศนคติที่ดีต่อญี่ปุ่น
การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ) ของไทย ญี่ปุ่นอยู่ในอันดับ 1 ครองสัดส่วน 31% ของทั้งหมด
บริษัทต่างชาติจำนวนมากนิยมมาผลิตในเอเชียและจีนที่มีแรงงานราคาถูกและเข้าถึงง่าย แต่คำสั่งล่าสุดจากรัฐบาลชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงจากการต้องพึี่งพาการผลิตในเอเชีย
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า การที่ซัพพลายหน้ากากอนามัยปั่นป่วน สะท้อนให้ผู้นำภาคธุรกิจจำนวนมากตระหนักถึงความสำคัญของการใช้ฐานการผลิตอันหลากหลาย
“สำหรับภาคธุรกิจ ไม่เคยมีครั้งไหนที่การสร้างฐานผลิตให้หลากหลายจะสำคัญเท่าครั้งนี้อีกแล้ว การมีซัพพลายเชนในเอเชียเพียงอย่างเดียวกระจายความเสี่ยงได้ไม่มากพอ” ซาโตชิ อากาโอ ผู้จัดการอาวุโสจากดีลอยต์โทมัตสุกรุ๊ป ผู้ทำงานในประเทศไทยกล่าว







