ผู้บริโภคมะกันกดดันหนัก “เคเอฟซี”เลิกใช้ยาปฏิชีวนะ

ชี้ต้องปกป้องผู้บริโภคจากภัยคุกคามการใช้สารเคมีเร่งโต ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมไก่ และเคเอฟซีควรรับผิดชอบก่อนจะสายเกินไป
โฆษกสภาป้องกันทรัพยากรธรรมชาติ (เอ็นอาร์ดีซี)นางสาวเลนา บรูค ออกมากดดันเคเอฟซีว่า บริษัทจำเป็นต้องปกป้องผู้บริโภคจากภัยคุกคามการใช้สารเคมีเร่งโต ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมไก่ อีกทั้งทางเคเอฟซีควรแสดงความรับผิดชอบก่อนที่จะสายเกินไป
ด้านเคเอฟซี ระบุผ่านอีเมล์ว่า ขณะนี้บริษัทกำลังทบทวนการเลือกซัพพลายเออร์ แล้วใช้แนวทางในการคัดเลือกเกี่ยวกับการใช้ยาปฏิชีวนะที่เข้มงวดกว่าของสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ หรือเอฟดีเอ
ปัจจุบัน บรรดาคู่แข่งของเคเอฟซี รวมถึงบริษัทในเครือแมคโดนัลด์อย่าง“ชิค-ฟิล-เอ ชิฟโพเทิล”และ“พาเนรา”ได้ยุติการนำไก่ที่ฉีดยาปฏิชีวินะมาจำหน่ายแล้วและหวังจะดึงดูดลูกค้าวัยรุ่นและคนรวยให้หันมารับประทานไก่ปลอดยาปฏิชีวนะมากขึ้น
ขณะที่นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมอาหารจากบริษัทเทคโนมิคนายเดวิด เฮนเคสเห็นว่า นี่เป็นการแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และเป็นการเปลี่ยนความหมายของสุขภาพและการอยู่ดีกินดี ซึ่งเป็นสิ่งที่อุตสาหกรรมร้านอาหารกำลังพยายามปรับตัวอย่างช้า ๆขณะที่เคเอฟซีกำลังดิ้นรนอย่างหนักในการเปลี่ยนแปลงทั้งระบบเพื่อให้สอดรับกับความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป
ในส่วนของผู้ถือหุ้นของ “ยัม แบรนด์” ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเคเอฟซี ได้ออกแคมเปญเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กรแล้วเช่นกัน หลังจากที่บรรดาผู้บริโภคในสหรัฐกว่า 350,000 คน ลงชื่อยื่นคำร้องต่อบริษัทยัม แบรนด์เกี่ยวกับการใช้ยาปฏิชีวนะในกระบวนการผลิตเนื้อสัตว์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (10 ส.ค.)







