'ทรัมป์' ชี้แบนมุสลิมเลวร้ายน้อยกว่ายุค 'รูสเวลท์'

'ทรัมป์' ชี้แบนมุสลิมเลวร้ายน้อยกว่ายุค 'รูสเวลท์'

“โดนัลด์ ทรัมป์” ตัวเต็งชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐชี้ ข้อเสนอแบนมุสลิมเข้าประเทศของเขาเลวร้ายน้อยกว่าเหตุการณ์ในยุคอดีตประธานาธิบดีรูสเวลท์

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีออกมาปฏิเสธกระแสโจมตีข้อเรียกร้องของเขาที่ให้สหรัฐห้ามชาวมุสลิมเข้าประเทศ พร้อมอ้างว่าการกระทำของอดีตประธานาธิบดีแฟรงคลิน ดี.รูสเวลท์ยังเลวร้ายกว่าข้อเสนอของเขามาก

นายทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับรายการกูีดมอร์นิ่ง อเมริกาของสถานีโทรทัศน์เอบีซีว่า ข้อเสนอของเขายังไม่เลวร้ายเท่าคำสั่งของอดีตประธานาธิบดีรูสเวลท์เมื่อปี 2485 ที่ให้กักตัวชาวอเมริกันเชื้อสายญี่ปุ่น 110,000 คนไว้ในค่ายกักกันที่มีรั้วลวดหนามและมีทหารยามติดอาวุธเฝ้าอยู่ในทะเลทรายที่ร้อนระอุ ซึ่งเป็นผลจากความหวาดระแวงชนชาติญี่ปุ่นของชาวอเมริกันและรัฐบาลสหรัฐ หลังกองทัพญี่ปุ่นโจมตีอ่าวเพิร์ลบนเกาะฮาวายเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2484

ก่อนหน้านี้ นายทรัมป์ มหาเศรษฐีฝีปากกล้าได้ปราศรัยหาเสียงอย่างดุเดือดในรัฐเซาท์แคโรไลนาเมื่อวันจันทร์ (7 ธ.ค.) ที่ผ่านมา พร้อมเอ่ยถึงเหตุการณ์กราดยิงในเมืองซานเบอร์นาดิโนรัฐแคลิฟอร์เนียโดยฝีมือของคู่สามีภรรยาชาวมุสลิมเมื่่อสัปดาห์ก่อน และอ่านแถลงการณ์เรียกร้องให้ทางการห้ามผู้อพยพชาวมุสลิมเข้าประเทศจนกว่าจะหาแรงจูงใจที่แท้จริงของผู้ก่อเหตุได้ และเตือนว่าหากรัฐไม่ดำเนินมาตรการที่เข้มงวดก็อาจเกิดเหตุการณ์คล้าย “11 กันยา” อีกครั้ง

จากคำพูดดังกล่าวทำให้นายทรัมป์ถูกประณามอย่างหนักจากชาวมุสลิมทั่วโลก รวมถึงบรรดานักการเมืองในสหรัฐทั้งจากรัฐบาลพรรคเดโมแครตและผู้สมัครเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันด้วยกันเอง

นางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีกล่าวโจมตีว่า คำพูดล่าสุดของเขาทั้งไร้ยางอายและเป็นแนวคิดที่อันตรายและว่า ในการจะปราบกลุ่มหัวรุนแรง สหรัฐควรร่วมมือกับชาวมุสลิมทั้งในประเทศและทั่วโลก

ขณะที่นายพอล ไรอัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรจากพรรครีพับลิกันกล่าวว่า คำพูดของนายทรัมป์ขัดหลักรัฐธรรมนูญของสหรัฐที่คุ้มครองเสรีภาพในการนับถือศาสนา อีกทั้งยังขัดกับหลักการของพรรคและจุดยืนของประเทศด้วย

ส่วนโฆษกทำเนียบขาว นายจอช เอิร์นเนสต์ ออกมาประณามว่า ข้อเสนอของนายทรัมป์ถือเป็นการตัดสิทธิ์ตัวเองออกจากการเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี พร้อมเรียกร้องพรรครีพับลิกันให้เลิกสนับสนุนนายทรัมป์ทันที

ด้านนายเดวิด โคล ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายและนโยบายสาธารณะ สาขานิติศาสตร์มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ กล่าวถึงข้อเรียกร้องของนายทรัมป์ที่ให้ห้ามผู้อพยพชาวมุสลิมเข้าประเทศว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญของประเทศ ที่กำหนดให้รัฐบาลวางตัวเป็นกลางในทุกกรณี ไม่สามารถเอื้อประโยชน์ หรือตั้งแง่รังเกียจกลุ่มความเชื่อใดความเชื่อหนึ่งได้ และ่กรณีนี้ชัดเจนว่า เป็นมาตรการที่ตั้งแง่รังเกียจศาสนาของชาวมุสลิม

นายโคลกล่าวด้วยว่า หากนายทรัมป์ต้องการให้มาตรการดังกล่าวมีผลบังคับใช้ จะต้องผ่านความเห็นชอบของทั้งสองสภา ซึ่งโอกาสเป็นไปได้ยาก เพราะน่าจะถูกต่อต้านจากทุกกลุ่มความเชื่อ และเขามั่นใจว่ากฎหมายดังกล่าวจะถูกตัดสินว่าขัดรัฐธรรมนูญอยู่ดี เพราะฉะนั้นข้อเสนอของนายทรัมป์ จึงเป็นเพียงลมปากเพื่อเรียกร้องความสนใจเท่านั้น