'อีโบลา'ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด

'อีโบลา'ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด

ข่าวโรคอีโบลาระบาดที่ "กินี" กลายเป็นข่าวพาดหัวไปทั่วโลก เพราะคนมองว่าโรคนี้อันตราย ถ้าติดแล้วโอกาสเสียชีวิตมีสูงถึง 90%

ข่าวโรคอีโบลาระบาดที่ "กินี" ประเทศเล็ก ๆ ทางตะวันตกของทวีปแอฟริกา กลายเป็นข่าวพาดหัวไปทั่วโลก เพราะคนมองว่าโรคนี้อันตราย ถ้าติดแล้วโอกาสเสียชีวิตมีสูงถึง 90%

อย่างไรก็ดี ถ้าพิจารณากันจริง ๆ แล้ว ยังมีโรคภัยไข้เจ็บที่ใกล้ตัวเรา และเป็นอันตรายกว่าโรคอีโบล่าอยู่อีกเยอะ แถมผู้เชี่ยวชาญยังบอกอีกว่า ถึงอัตราการเสียชีวิตเมื่อติดเชื้ออีโบลาแล้วจะสูงมาก และยังไม่มียารักษา แต่โรคนี้ไม่ได้ติดต่อกันง่าย ๆ แถมจำนวนผู้ที่ติดเชื้อก็น้อยแสนน้อย ทำให้สรุปได้ว่า โรคอีโบลาไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด

องค์การแพทย์ไร้พรมแดน รายงานว่านับถึงสิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา การระบาดของอีโบลาในกินีทำให้มีผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 122 คน เสียชีวิต 78 คน แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่อาจเรียกได้ว่าอีโบลาเป็นภัยคุกคามร้ายแรงระดับโลก เพราะโรคร้ายนี้คร่าชีวิตคนไปน้อยกว่าโรคภัยไข้เจ็บอื่น ๆ มาก แถมการระบาดยังเกิดขึ้นในวงจำกัดด้วย

อีโบลา เป็นกลุ่มโรคไข้เลือดออกที่ยังไม่มีหนทางรักษา ทำให้ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เสียชีวิต จึงเป็นที่มาของความหวาดกลัวโรคร้ายชนิดนี้ มีบทความมากมายชี้ถึงภัยร้ายแรงของโรคอีโบลา มีการเขียนหนังสือขายดีเกี่ยวกับอีโบลาออกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น "เดอะ ฮ็อท โซน" หรือหนังดังอย่าง "เอาท์เบรค" ที่นำแสดงโดยดาราชั้นแนวหน้าของฮอลลีวู้ดอย่าง ดัสติน ฮอฟแมน มอร์แกน ฟรีแมน และเควิน สเปซีย์

กระแสเหล่านี้ทำให้คนพากันหวาดกลัวโรคอีโบลากันเกินจริง ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว โรคธรรมดาสามัญใกล้ตัวของพวกเขาทำให้มีคนเสียชีวิตมากกว่าอีโบลาหลายเท่า อีกทั้งผู้เชี่ยวชาญยังยืนยันว่า โอกาสที่อีโบลาจะกลายพันธุ์ในเร็ว ๆ นี้นั้นก็แทบจะไม่มีเลย

ศาสตราจารย์โจนาธาน บอลล์ จากภาควิชาไวรัสวิทยาโมเลกุล ประจำมหาวิทยาลัยนอทติ้งแฮม กล่าวว่า ผู้ติดเชื้ออีโบลามีโอกาส 25-90% ที่จะตายจากโรคนี้ด้ก็จริง แต่โอกาสที่จะติดเชื้อนั้นจำกัดมาก โดยผู้ที่เสี่ยงที่สุดคือคนที่ใกล้ชิดกับผู้ป่วย และพวกเจ้าหน้าที่สาธารณสุข แต่แค่การป้องกันเบื้องต้นอย่างการรักษาความสะอาด และใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนตัว ไม่ปะปนกับใคร ก็ป้องกันการแพร่ระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว

อีโบลา ไม่ใช่โรคที่แพร่กระจายได้ทางอากาศอย่างเชื้อหวัด แล้วก็ไม่ใช่โรคที่ระบาดได้ง่ายในเบื้องต้นด้วย ต้องสัมผัสกับผู้ป่วยขั้นรุนแรงแล้ว หรือสัมผัสศพของคนที่เสียชีวิตด้วยโรคนี้ถึงจะติด แถมนักวิทยาศาสตร์ยังพบขั้นตอนหยุดยั้งการระบาดของอีโบลาได้อย่างมีประสิทธิภาพตั้งแต่ที่มีการพบโรคร้ายนี้เป็นครั้งแรกในปี 2519 แล้วด้วย จึงทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากอีโบลาต่ำจนน่าประหลาดใจ

อย่างไรก็ตาม บางคนมองว่า การกระพือข่าวความน่ากลัวของอีโบลาก็มีข้อดีอยู่เหมือนกัน นั่นคือ ทำให้คนตระหนักถึงภัยอันตรายของโรคร้ายชนิดนี้ ซึ่งดีกว่าการปล่อยให้พวกเขาชะล่าใจเพราะคิดว่าโรคนี้อยู่ไกลตัว