ผู้นำจีนเล็งปฏิรูปค่ายเรือนจำนักโทษการเมือง

ผู้นำจีนเล็งปฏิรูปค่ายเรือนจำนักโทษการเมือง

ทนายสิทธิมนุษยชนชื่อดังของจีน "ผู่ จือเฉียง" เรียกร้องล้มระบบคุมขังนักโทษผ่านการใช้แรงงาน หรือ เหลาเจี้ยว

หากระบบคุมขังประเภทนี้ถูกเลิกล้มได้จะมีนัยสำคัญที่จะแสดงถึงความตั้งใจของรัฐบาลจีนชุดใหม่ที่ตั้งใจเผยให้ประชาคมโลกเห็นถึงความพยายามที่จะปฏิรูประบบการปกครองให้เป็นกลางมากขึ้น ท่ามกลางการเรียกร้องเพื่อปฏิรูปการเมืองที่ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีน สี จิ้นผิง ต้องเจอ ไม่มีประเด็นไหนที่นักเคลื่อนไหวทางการเมืองต้องการเห็นการปฏิรูปมากกว่าระบบเหลาเจี้ยว


พรรคคอมมิวนิสต์กล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่าจะผลักดันให้เกิดการปฏิรูปในค่ายกักกันเพื่อใช้แรงงานภายในปีนี้ และภายในไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้ส่งนักโทษเข้าค่ายแรงงานลดลงอย่างเห็นได้ชัด นับว่าเป็นข่าวดีสำหรับ ผู่ จือเฉียง และบรรดาผู้สนับสนุน

เจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงยุติธรรมที่เพิ่งเกษียณและผู้เชี่ยวชาญทางด้านค่ายแรงงาน "หวาง กงอี้" กล่าวว่าผู้นำมีความเห็นคล้อยตามกันในการยกเลิกระบบเหลาเจี้ยว เพราะได้รับแรงกดดันสูงจากภายนอก

ข้อมูลจากรัฐบาลเมื่อปี 2552 ระบุว่าจำนวนของนักโทษในค่ายแรงงานอยู่ที่ 160,000 คน แต่ "หวาง กงอี้" กล่าวว่าตำรวจได้หยุดส่งตัวนักโทษไปค่ายแรงงานเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว ยกเว้น นักโทษบางคนที่กระทำความผิดทางอาญาที่อุกฉกรรจ์ นาย "หวาง กงอี้" ยังเสริมว่าจำนวนนักโทษในค่ายแรงงานเหล่านี้ได้ลดลงเหลือ 50,000 คนเมื่อปลายปีที่แล้ว และคาดว่าจะเหลือเพียง 20,000 คนหากแนวโน้มยังเป็นไปทำนองนี้

เสียงเรียกร้องให้ปฏิรูประบบตุลาการของจีนขยายวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลังจากประธานาธิบดี หู จิ่นเทา ให้อำนาจเพิ่มขึ้นแก่ตำรวจเพื่อรักษาความมั่นคงภายในประเทศ โดยเหตุการณ์ที่เรียกความสนใจจากสาธารณะมากที่สุดได้เกิดขึ้นปี 2552 เมื่อนักเคลื่อนไหวทางการเมืองชื่อดัง "หลิว เสี่ยวป๋อ" ถูกตัดสินจองจำ 11 ปีและในปีถัดมาก็ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ รวมถึงการกักขังตัวศิลปินร่วมสมัยและนักเคลื่อนไหวทางสังคม "อ้าย เว่ยเว่ย" เป็นเวลาเกือบ 3 เดือน

ระบบเหลาเจี้ยวหรือระบบคุมขังนักโทษที่มีความคิดเห็นขัดแย้งกับพรรคคอมมิวนิสต์ผ่านการใช้แรงงานเพื่อให้ผู้ถูกคุมขังสำนึกผิดและปรับเปลี่ยนมุมมองความคิดทางการเมือง มีการเริ่มใช้ในช่วงคริสต์ศตวรรษ 1950 หลังจากพรรคคอมมิวนิสต์เข้ามาครองอำนาจได้ไม่นาน แต่ระยะหลังเริ่มถูกใช้เป็นที่คุมขังสำหรับผู้ที่ทำผิดกฎหมายทั่วไป นอกจากนี้ระบบนี้ยังให้อำนาจตำรวจในการคุมขังคนถึง 4 ปีโดยไม่ให้สิทธิ์ในการขึ้นชั้นศาล