ราคาทองคำโลก ร่วงแรงหลุด 4,000 อีกรอบ รับดอลลาร์แข็งค่า-กองทุนเทขาย

ราคาทองคำโลก ราคาทองคำ ซื้อขายต่ำกว่าระดับ 4,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์อีกครั้งในวันนี้ (4 พ.ย. 68) ราคาทองตลาดสปอต (Spot gold) ลดลง 0.8% มาอยู่ที่ 3,970.39 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ณ เวลา 13.25 น. ตามเวลาในไทย 

ขณะที่สัญญาทองคำล่วงหน้าตลาดโคเม็กซ์สหรัฐ งวดส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลงเกือบ 1% มาอยู่ที่ 3,979.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือลดลง 34.7 ดอลลาร์ จากราคาปิดตลาดเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 4,014.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ปัจจัยฉุดราคาทองโลกในวันนี้ มาจากค่าเงินดอลลาร์ที่ยังคงทรงตัวระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 เดือน บวกกับโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธ.ค. มีน้อยลง และความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนเริ่มคลี่คลาย ส่งผลให้ความต้องการทองคำปรับตัวลดลง

"ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเปรียบเสมือนหนามยอกอกของทองคำ นักลงทุนกำลังประเมินความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งภายในสิ้นปีนี้หรือไม่" ทิม วอเทอร์เรอร์ หัวหน้านักวิเคราะห์ตลาดของ KCM กล่าว

สัปดาห์ที่แล้ว เฟดได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่สองในปีนี้ แต่เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดส่งสัญญาณในเชิงสายเหยี่ยวว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้ "ยังไม่แน่นอนว่าจะเกิดขึ้นได้"

ขณะนี้นักลงทุนในตลาดมองว่ามีโอกาส 65% ที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธ.ค. ซึ่งลดลงจากเดิมที่เคยสูงกว่า 90% ก่อนที่พาวเวลล์จะกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมครั้งล่าสุด

BofA มองทองลงเพราะแรงเทขายกองทุน

นักวิเคราะห์ของธนาคารแบงก์ออฟอเมริกา (BofA) นำโดยชินทัน โคเทชา ระบุในบันทึกว่า ราคาทองคำที่ร่วงลงในช่วงหลัง ส่วนหนึ่งมาจากแรงขายของกองทุนที่เน้นลงทุนตามแนวโน้มราคา (trend-following funds) และผู้จัดการกองทุนในกลุ่ม Commodity Trading Advisors (CTAs) “ยังคงทยอยปิดสถานะซื้อทองคำ หลังราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สอง

“แบบจำลองความเสี่ยงต่ำของเราหลายแบบได้ปิดสถานะทองคำทั้งหมดแล้ว ขณะที่กองทุน CTA บางแห่งที่รับความเสี่ยงได้สูงกว่าอาจยังคงถือสถานะซื้ออยู่ เพราะแนวโน้มราคาทองคำยังคงส่งสัญญาณเชิงบวก แม้อาจจะช้าเร็วต่างกันตามแต่ละแบบจำลอง”

แบบจำลองของ BofA ชี้ว่า ทองคำยังคงอยู่ในสถานะ long position ในทุกกรอบเวลาตั้งแต่ระยะสั้น กลาง ยาว ไปจนถึงสิ้นเดือนต.ค. โดยความแข็งแกร่งของแนวโน้มยังคงอยู่ที่ 100% อย่างไรก็ตาม แบบจำลองบางส่วนได้แตะระดับ “ตัดขาดทุน” (stop-out) แล้ว ซึ่งรูปแบบนี้ในอดีตมักเชื่อมโยงกับความผันผวนที่เพิ่มขึ้นจากแรงขายในระบบ