ไต้หวันจัดงานแสดงอาวุธครั้งยิ่งใหญ่ บ.อเมริกันมาเพียบ

ไต้หวันเปิดงานแสดงอาวุธครั้งยิ่งใหญ่ ผู้ร่วมงานเพิ่มจากครั้งก่อนสองเท่า บริษัทหลั่งไหลเข้ามาหวังแบ่งเค้กจากการเพิ่มงบประมาณกลาโหม
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน งานแสดงเทคโนโลยีกลาโหม และอากาศยานไทเปที่ไต้หวันจัดขึ้นเป็นประจำทุกสองปี มีผู้มาร่วมงาน 490 ราย ออกบูธ 1,500 บูธ เพิ่มขึ้นจาก 275 ราย 960 บูธ ในปี 2023
คาริน หลาง ผู้ช่วยผู้อำนวยการสถาบันอเมริกันในไต้หวัน หรือสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐโดยพฤตินัย กล่าวในพิธีเปิดงานเมื่อวันพฤหัสบดี (18 ก.ย.68) ว่า พาวิลเลียนสหรัฐเพิ่มขนาดเป็นสองเท่าจากเมื่อสองปีก่อน รอบนี้มีบริษัทมาร่วมงานกว่า 40 บริษัท
“เมื่อบริษัทอเมริกัน และไต้หวันร่วมมือกัน พวกเขาสร้างโซลูชันที่เสริมแกร่งไม่เพียงแค่ผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย แต่ยังมีส่วนสร้างความมั่นคง และความมั่งคั่งของภูมิภาคที่กว้างขวางขึ้น”
“ช่องโหว่ของห่วงโซ่อุปทาน การแข่งขันทางเทคโนโลยี และภัยคุกคามความปลอดภัยที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้เราจำเป็นต้องทำงานใกล้ชิดกับพันธมิตรที่เชื่อถือได้มากยิ่งขึ้น” หลาง กล่าว กับผู้ฟังที่มีเวลลิงตัน คู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไต้หวันรวมอยู่ด้วย
สหรัฐเป็นผู้จัดหาอาวุธรายใหญ่สุดให้กับไต้หวันแม้ไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตต่อกัน ไต้หวันเองไม่เพียงแค่อยากซื้ออาวุธเพิ่มแต่อยากร่วมผลิตกับสหรัฐเช่นกัน
เมื่อวันพุธ (17 ก.ย.68) ไต้หวันเปิดตัวขีปนาวุธลูกแรกที่ผลิตร่วมกับบริษัทสหรัฐ ถือเป็นก้าวย่างสำคัญในความร่วมมือด้านกลาโหมระหว่างกันที่กำลังโตวันโตคืน
สถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ชงชานของกองทัพ กล่าวว่า สถาบันจะลงนามข้อตกลงอาวุธหลายฉบับกับบริษัทสหรัฐ และแคนาดา เช่น จรวดต่อต้านโดรนจากบริษัทแอร์แชร์ของแคนาดา และโดรนสอดแนมใต้น้ำจากบริษัทแอนดูริลของสหรัฐ
“ไต้หวันจะได้รับการสนับสนุนที่มั่นคงที่สุดจากพันธมิตร ในการเสริมสร้างขีดความสามารถด้านการป้องกันตนเองอย่างอิสระ และปรับปรุงความร่วมมือระหว่างประเทศ” สถาบันระบุในแถลงการณ์
บริษัทอื่นๆ ที่มาร่วมงาน เช่น ล็อกฮีด มาร์ติน ผู้ผลิตเครื่องบินรบเอฟ-16 ที่เป็นกำลังหลักของกองทัพอากาศไต้หวัน และบริษัทนอร์ธรอปกันแมน
ช่วงนี้ไต้หวันเร่งเสริมแกร่งกองทัพในช่วงที่จีนที่มองว่าไต้หวันเป็นดินแดนของตน เพิ่มแรงกดดันทางทหารด้วยการซ้อมรบ ส่งเครื่องบิน และเรือรบมาป้วนเปี้ยนในพื้นที่ใกล้เคียง
ไต้หวันตั้งเป้าเพิ่มงบประมาณกลาโหมเป็น 5% ของผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ภายในปี 2030 เพิ่มขึ้นจาก 3.3% ในปี 2026
ด้านรูเพิร์ต แฮมมอนด์-แชมเบอร์ส ประธานสภาธุรกิจสหรัฐ-ไต้หวัน กล่าวก่อนเปิดงานในสัปดาห์นี้ว่า การเพิ่มงบประมาณกลาโหมของไต้หวันมีแนวโน้มนำไปสู่การจัดซื้อจัดจ้างอย่างต่ำ 50,000-60,000 ล้านดอลลาร์
“ประมาณหนึ่งในสามจะอยู่ในไต้หวันบางส่วนออกไปต่างประเทศ ส่วนที่เหลืออีกสองในสามออกไปต่างประเทศ ส่วนใหญ่ไปสหรัฐแต่ไม่ใช่ทั้งหมด” แชมเบอร์ส ระบุ
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







