วินัยการคลัง-การเมืองวุ่น บททดสอบขุนคลังอินโดฯ คนใหม่

อินโดนีเซียได้ “ปูร์บายา ยูดีห์ ซาเดวา” ขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ เขาต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการตั้งแต่การสร้างความเชื่อมั่นต่อตลาดเงินทั้งภายในและนอกประเทศ ไปจนถึงการรักษาวินัยการคลัง ท่ามกลางแรงกดดันจากประธานาธิบดี
อินโดนีเซียได้ “ปูร์บายา ยูดีห์ ซาเดวา” ขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ เขาต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการตั้งแต่การสร้างความเชื่อมั่นต่อตลาดเงินทั้งภายในและนอกประเทศ ไปจนถึงการรักษาวินัยการคลัง ท่ามกลางแรงกดดันจากประธานาธิบดี
นักเศรษฐศาสตร์ผู้ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักรายนี้ ขึ้นมาแทนที่ศรี มุลยาณี อินทราวตี ข้าราชการผู้เป็นที่ชื่นชอบของตลาด ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาเธอนั่งในตำแหน่ง รมว.คลังอินโดนีเซียยาวนาน 14 ปี
“ศรี มุลยาณีได้รับการยอมรับและเชื่อมั่น โดยเฉพาะจากนักธุรกิจและสถาบันระหว่างประเทศ จากความสำเร็จในการรักษานโยบายการคลังได้อย่างมีเสถียรภาพ เตรียมการรับมือได้อย่างยั่งยืน” ฟาดิล ฮาซาน นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากสถาบันเพื่อการพัฒนาเศรษฐศาสตร์และการเงิน (ไอเอ็นดีอีเอฟ) กล่าวกับนิกเคอิเอเชีย
ฟาดิลให้เหตุผลว่า ซาเดวา ที่ก่อนหน้านี้เป็นประธานกรรมการสถาบันคุ้มครองเงินฝากขาดประสบการณ์กว้างขวางในการกำกับดูแลนโยบายการคลังและเศรษฐกิจมหภาค “ดังนั้น เขาจึงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด”
อินทราวตีอดีตกรรมการผู้จัดการธนาคารโลกถูกปลดหลังการประท้วงนองเลือดหลายวันส่วนหนึ่งมาจากความไม่พอใจของประชาชนที่ไม่ได้รับประโยชน์จากการขยายตัวของเศรษฐกิจอินโดนีเซียที่ใหญ่สุดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เธอต้องตกเป็นเป้าถูกประชาชนบุกปล้นบ้านที่ชานกรุงจาการ์ตาเมื่อวันที่ 31ส.ค.
ตั้งแต่เดือน มี.ค. เริ่มมีการคาดการณ์กันว่าเธอจะลาออก แต่เธอยังอยู่ในตำแหน่งโดยเฉพาะเมื่ออินโดนีเซีย โดนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ เก็บภาษีศุลกากรตอบโต้
ตลาดตอบรับข่าวลืออย่างรวดเร็ว ดัชนีตลาดหุ้นร่วงลง 6.58% จนต้องระงับการซื้อขายชั่วคราว อินทราวตีรีบออกมาสร้างความมั่นใจว่าเธอจะไม่ไปไหน แต่เมื่อเธอถูกปลดเมื่อวันจันทร์ ดัชนีจาการ์ตาคอมโพสิตลดลง 1.3% เช้าวันอังคาร (9 ก.ย.) ดัชนีไม่เปลี่ยนแปลงก่อนจะลดลง 1.6% ขณะที่เงินรูเปี๊ยะห์ซึ่งอ่อนค่าลงกว่า 1% จากข่าวอินทราวตีโดนปลดแข็งค่าขึ้นมาเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เมื่อเธอออกไปจริงๆ ยิ่งโหมกระพือความไม่แน่นอน
“การปรับคณะรัฐมนตรีที่ปลดรัฐมนตรีคลังโดยไม่มีแพ็คเกจนโยบายที่น่าเชื่อถือ มักถูกตีความโดยตลาดว่าเป็นสัญญาณของความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้น” โจชัว พาร์เดเด นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคารเปอร์มาตาของอินโดนีเซียให้ความเห็นและว่า บรรยากาศเศรษฐกิจในประเทศเปราะบาง
“จากมุมมองมหภาค ช่องว่างของอัตราดอกเบี้ยนโยบายแคบ เงินเฟ้อต่ำ แต่รูเปี๊ยะห์ยังมีความเสี่ยงและความต้องการเงินทุนสนับสนุนงบประมาณของรัฐในอนาคตก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ” พาร์เดเดกล่าว
ในการแถลงรับตำแหน่งเมื่อวันจันทร์ ซาเดวา พยายามสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนและประชาชนโดยอ้างถึงประสบการณ์ในฐานะนักเศรษฐศาสตร์มานานถึง 25 ปี อยู่ในตลาดเงินมานานกว่า 15 ปีที่ดานาเรกซา บริษัทหลักทรัพย์ของรัฐ และทำงานนโยบายการเงินที่สำนักงานประธานาธิบดีรวมถึงในช่วงโควิด-19 ระบาด
“เราจะใช้ทุกเครื่องมือที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดใช้สิ่งที่เราสามารถทำได้อย่างเต็มที่เพื่อให้มั่นใจว่าเศรษฐกิจจะเติบโตได้เร็วขึ้น ด้วยการบริหารจัดการทางการคลังที่ดี เราจะสามารถป้องกันการหยุดชะงักของระบบการเงิน และเร่งการใช้จ่ายภาครัฐ ซึ่งค่อนข้างชะลอตัวในช่วงสองไตรมาสที่ผ่านมา” ขุนคลังให้คำมั่น
ซาเดวายอมรับว่า รัฐบาลยังคงมีความท้าทายจากการเพิ่มอัตราส่วนภาษีต่อจีดีพีและการเบิกจ่ายงบประมาณที่ล่าช้า
ตามข้อมูลขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (โออีซีดี) อัตราส่วนภาษีต่อจีดีพีของอินโดนีเซียอยู่ที่ราว 12% มาตั้งแต่ปี 2008 ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของเอเชียแปซิฟิก 7.5% และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของโออีซีดี 21.9%
“ตั้งแต่เดือน ก.ค. เศรษฐกิจชะงักงัน การเติบโตชะลอตัวในไตรมาสสาม ส่งผลให้แม้แต่การชุมนุมเล็กสุดก็จุดประกายให้เกิดความไม่สงบได้” ซาเดวากล่าวและว่า ประธานาธิบดีปราโบโว สุเบียนโต สั่งการให้เขาเน้นการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ตั้งเป้าเติบโตปีละ 8% ภายในปี 2029 ซึ่งครบวาระห้าปีของการเป็นประธานาธิบดี
“การเติบโต 8% อาจดูเหมือนโลกสวยเกินไป แต่ถ้าเราผนึกกำลังทั้งภาครัฐและเอกชน ตัวเลข 6-7% ย่อมเป็นไปได้” ซาเดวากล่าว ถือเป็นคนแรกๆ ในรัฐบาลที่ยอมรับออกสื่อในสิ่งที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อ เขายกตัวอย่างญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีน ที่จีดีพีเติบโตระดับเลขสองหลักมานานก่อนจะเป็นประเทศรายได้สูง
ขณะที่ธนาคารโลกคาดการณ์ว่า ช่วงไม่กี่ปีข้างหน้าอินโดนีเซียต้องพยายามอย่างมากให้จีดีพีโตเกิน 5%
ภารกิจหลักฟื้นฟูความเชื่อมั่น
เดดี ดินาร์โต นักวิเคราะห์ด้านอินโดนีเซียจากบริษัทโกลบอลเคาน์เซลในสิงคโปร์ มองว่า หน้าที่หลักของซาเดวาคือการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของสาธารณชนต่อกระทรวงการคลังที่ตกต่ำมาก
“เขาไม่เพียงแต่รับแรงกดดันทางการคลังเท่านั้น แต่ยังรวมถึงปัญหาการรับรู้เรื่องนโยบายภาษีซึ่งต้องมีทั้งความโปร่งใสและต่อเนื่องด้วย” ดินาร์โตกล่าวก่อนเสริมว่า นักลงทุนจะจับตาอย่างใกล้ชิด
“วินัยทางการคลังอาจไม่สำคัญเท่าการใช้จ่ายทางการเมือง คำถามคือ (ซาเดวา) จะสามารถรักษาชื่อเสียงที่สร้างมาอย่างยากเย็นเรื่องความระมัดระวังของอินโดนีเซียพร้อมๆ กับทำโครงการราคาแพงได้หรือไม่”
มาตรการใช้งบประมาณให้มีประสิทธิภาพของรัฐบาลปราโบโวทำให้เกิดการถกเถียงกันเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในธุรกิจโรงแรมและจัดเลี้ยงที่ถูกรัฐบาลตัดงบฯ เพื่อเอาไปใช้กับโครงการที่ประธานาธิบดีให้ความสำคัญ เช่น โครงการอาหารกลางวันฟรีสำหรับเด็กและว่าที่คุณแม่, อัดฉีดเงินทุนเข้า “ดานันตารา” กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นใหม่ และโครงการเกษตรทั่วประเทศ
“ประธานาธิบดีมอบหมายให้ผมทำเศรษฐกิจให้เติบโตแข็งแกร่ง และสร้างหลักประกันความมั่งคั่งให้ประชาชน เราต้องไม่ล้มเหลวในการดำเนินภารกิจนี้” รัฐมนตรีคลังคนใหม่เน้นย้ำอาณัติที่ได้รับบัญชาจากประธานาธิบดีปราโบโว





