ราคาน้ำมันดิบไต่ขึ้น ทรัมป์ขู่ขึ้นภาษี อิสราเอลโจมตีโดฮา

บลูมเบิร์ก รายงานราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นเป็นวันที่สามวันนี้ (10 ก.ย.68) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แจ้งต่อเจ้าหน้าที่สหภาพยุโรปว่าเขาตั้งใจที่จะขึ้นภาษีศุลกากรรอบใหม่กับอินเดียและจีน เพื่อกดดันให้รัสเซียเจรจาสันติภาพกับยูเครน

อย่างไรก็ตาม มีข้อแม้ว่า ทรัมป์จะขึ้นภาษีก็ต่อเมื่อประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปดำเนินการเช่นเดียวกัน ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียต (WTI) ปรับตัวขึ้นถึงระดับ 63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงเช้าของการซื้อขายในเอเชีย ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปิดเหนือ 66 ดอลลาร์ในวันอังคาร (9 ก.ย.) ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าปรับตัวสูงขึ้นในช่วงก่อนหน้า หลังจากที่อิสราเอลโจมตีผู้นำระดับสูงของกลุ่มฮามาสในกรุงโดฮา ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงขึ้นในตะวันออกกลาง

การโจมตีครั้งนี้ถือเป็นการโจมตีครั้งแรกของอิสราเอลในเมืองหลวงของกาตาร์ นับตั้งแต่เริ่มต้นความขัดแย้งที่ยืดเยื้อเกือบสองปี ซึ่งสร้างความวุ่นวายให้กับตลาดน้ำมันโลก นอกจากนี้ยังเป็นภัยคุกคามต่อการเจรจาสันติภาพระหว่างอิสราเอลและฮามาสที่นำโดยสหรัฐฯ ซึ่งอาจช่วยบรรเทาความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบ 

อิสราเอลได้อ้างความรับผิดชอบอย่างเต็มที่ และทรัมป์ได้ถอยตัวออกห่างจากการโจมตีครั้งนี้

ขณะเดียวกัน ข้อเสนอภาษีของทรัมป์ถือเป็นความท้าทาย เนื่องจากประเทศต่างๆ รวมถึงฮังการี เคยระงับมาตรการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรปที่เข้มงวดซึ่งมุ่งเป้าไปที่ภาคพลังงานของรัสเซียมาแล้วในอดีต ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงโทษอินเดียด้วยการจัดเก็บภาษีนำเข้าน้ำมันดิบจากมอสโกอย่างหนักหน่วง แต่กลับละเลยมาตรการที่คล้ายคลึงกันนี้กับจีน

อัปเดตราคาเช้านี้

WTI ส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 0.7% มาอยู่ที่ 63.06 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เมื่อเวลา 7:30 น. ตามเวลาสิงคโปร์

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 0.6% มาอยู่ที่ 66.39 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในวันอังคาร