ลงทุนเกาหลีในสหรัฐ 'ส่อสะดุด' หลังบุกจับแรงงานฮุนได-แอลจี

ลงทุนเกาหลีในสหรัฐ 'ส่อสะดุด' หลังบุกจับแรงงานฮุนได-แอลจี

การบุกจับแรงงานเกาหลีใต้ราว 300 คนที่โรงงานฮุนไดและแอลจีที่สหรัฐ อาจบานปลายเป็นวิกฤติการทูตครั้งใหญ่ หลังถูกตีแผ่เป็นข่าวใหญ่พร้อมภาพแรงงานถูกล่าม ก่อกระแสโกรธแค้นในสังคม และความรู้สึกเหมือนถูก ‘หักหลัง’

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การบุกจับแรงงานที่โรงผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าของบริษัทฮุนไดในรัฐจอร์เจีย สหรัฐ ได้สร้างความสั่นสะเทือนต่อเกาหลีใต้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นไม่ถึงสองสัปดาห์ หลังจากที่ประธานาธิบดีอี แจ-มยอง ของเกาหลีใต้เข้าพบกับโดนัลด์ ทรัมป์ที่ทำเนียบขาว ซึ่งในครั้งนั้น บรรดาบริษัทเกาหลีได้ให้คำมั่นว่า จะลงทุนหลายแสนล้านดอลลาร์ในสหรัฐ

ตลอดช่วงสุดสัปดาห์ เจ้าหน้าที่เกาหลีทำงานเพื่อหาทางปล่อยตัวชาวเกาหลีราว 300 คนที่ถูกควบคุมตัวในไซต์ก่อสร้างในโครงการร่วมทุนระหว่าง Hyundai Motor และ LG Energy Solution ซึ่งคัง ฮุน-ชิก หัวหน้าคณะทำงานของประธานาธิบดีอี เปิดเผยระหว่างการประชุมระดับสูงระหว่างพรรครัฐบาลประชาธิปไตยกับฝ่ายรัฐบาล

สำนักข่าวยอนฮัป รายงานอ้างคำกล่าวของกงสุลใหญ่ว่า แรงงานเกาหลีที่ถูกจับ อาจสามารถขึ้นเครื่องบินเช่าเหมาลำกลับบ้านได้ราววันพุธนี้

ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า แรงงานเหล่านี้ถือวีซ่าประเภทใด หรือวีซ่าดังกล่าวอนุญาตให้พวกเขาอยู่ในไซต์ก่อสร้างได้หรือไม่

การกวาดล้างครั้งนี้ เกิดขึ้นในช่วงเวลาอ่อนไหว เพียงไม่นานหลังจากที่อี แจ-มยอง และโดนัลด์ ทรัมป์ จัดการประชุมสุดยอดเพื่อแสดงความเป็นพันธมิตร และย้ำความมั่นคงของข้อตกลงการค้าใหม่ ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวรวมถึงกองทุนมูลค่า 350,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนบริษัทเกาหลีใต้ที่กำลังขยายการลงทุนในสหรัฐ ขณะเดียวกันบริษัทยังให้คำมั่นลงทุนโดยตรงในสหรัฐเพิ่มอีก 150,000 ล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม การบุกตรวจจับครั้งนี้ อาจบานปลายกลายเป็นประเด็นการทูตครั้งใหญ่ เพราะได้เป็นข่าวพาดหัวหน้าหนังสือพิมพ์รายวันส่วนใหญ่ของเกาหลีใต้เมื่อวันเสาร์ โดยมีภาพวิดีโอแรงงานถูกล่ามข้อมือ เอว และข้อเท้า แล้วถูกต้อนขึ้นรถบัส ก่อให้เกิดความโกรธแค้นในสังคม

ด้านหนังสือพิมพ์ Chosun Ilbo ซึ่งมียอดจัดจำหน่ายสูงที่สุดในประเทศ ตีพิมพ์ภาพเมื่อวันเสาร์ แสดงให้เห็นผู้ถูกควบคุมตัวเอามือพิงรถบัส พร้อมเผยแพร่ภาพจากสิ่งที่ระบุว่าเป็นสถานกักกันในรัฐจอร์เจีย โดยยืนยันว่า สภาพภายในนั้น “เต็มไปด้วยเชื้อรา เลวร้ายยิ่งกว่าคุก”

“นี่เหมือนกับการถูกแทงข้างหลัง” ศาสตราจารย์คิม แท-ฮยอง ประธานภาควิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยซุงชิล กรุงโซล กล่าวถึงเหตุการณ์บุกตรวจครั้งนี้ เขากล่าวว่า “ชาวเกาหลีส่วนใหญ่ไม่อาจห้ามความรู้สึกโกรธเกรี้ยวได้” และบริษัทยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ก็จะ “หลีกเลี่ยงไม่ได้” ที่จะถอยจากแผนการลงทุนในสหรัฐ

การบุกตรวจครั้งนี้ “กำลังบดบัง” แผนการลงทุนมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ของเกาหลีใต้ในสหรัฐ ซึ่งการควบคุมแรงงาน อาจถูกมองโดยภาคธุรกิจว่า เป็นสัญญาณถึงความเสี่ยงด้านการเมืองขึ้น

เมื่อวันอาทิตย์ กลุ่มสมาชิกสภาจากพรรครัฐบาลเกาหลีใต้กล่าวว่า หากสหรัฐต้องการดึงดูดการลงทุนจากธุรกิจเกาหลีจริง การควบคุมตัวชาวเกาหลีเป็นจำนวนมากเช่นนี้ “ไม่ควรเกิดขึ้น” พวกเขาระบุเพิ่มเติมว่า ก่อนที่บริษัทเกาหลีจะขยายการลงทุนในสหรัฐ รัฐบาลโซลต้องกดดันให้วอชิงตันรับประกันความปลอดภัยของพลเมืองเกาหลี และปรับปรุงนโยบายวีซ่า สำหรับผู้ที่เดินทางเข้าสหรัฐด้วยวัตถุประสงค์ด้านการลงทุน

อ้างอิง: bloomberg