ผู้ชุมนุมเรียกร้องยุติใช้เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางดูแลดีซี

ผู้ประท้วงจำนวนมากเดินขบวนในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันเสาร์ต่อต้านรัฐบาลกลางของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้าควบคุมกรมตำรวจของเมืองแล้วส่งกองกำลังป้องกันชาติเข้ามายังเมืองหลวง
เว็บไซต์ซีเอ็นเอ็นรายงาน เมื่อวันเสาร์ (6 ก.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น การชุมนุม “เราทุกคนคือดีซี” เดินขบวนจากเมริเดียนฮิลปาร์กไปยังฟรีดอมพลาซาใกล้ทำเนียบขาวผู้ร่วมขบวนจำนวนมากถือป้ายเขียนข้อความ “ปกป้องกฎระเบียบดีซี” และ “หยุดยั้งทรัมป์ยึดเมือง” เพื่อต่อต้านการทรัมป์ที่พยายามใช้อำนาจควบคุมดีซี
“การได้เห็นการทำลายพนักงานรัฐบาลกลางและการส่งกองกำลังป้องกันชาติเข้ามาอย่างไม่ได้สัดส่วนเพื่อรักษาสันติภาพทั้งๆ ที่อาชญากรรมต่ำสุดในรอบ 30 ปี ทำให้ผมต้องออกมาประท้วง” เดวิด เรนเก อดีตคู่สัญญาของรัฐผู้ใช้ชีวิตอยู่ในย่านแมริแลนด์กล่าวกับซีเอ็นเอ็น
เดือนก่อน ทรัมป์ ประกาศ ภาวะฉุกเฉินอาชญากรรม แล้วสั่งให้รัฐบาลกลางเข้าไปควบคุมกรมตำรวจดีซี ส่งเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลกลางและกองกำลังป้องกันชาติเข้ามาจำนวนมาก สร้างความไม่พอใจให้กับชาวเมืองหลายคน
ซีเอ็นเอ็นเคยรายงานไปก่อนหน้านี้ว่า อัตราอาชญากรรมรุนแรงของดีซีลดลงมากในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ปี 2024 ต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 1966
ในประเด็น กองกำลังป้องกันชาติ ในดีซี สเตฟานี คอลลินส์ สจ๊วต นักศึกษามหาวิทยาลัยโฮวาร์ด กล่าวกับซีเอ็นเอ็น
"ฉันว่ามันเหมือนเป็นกลยุทธ์อย่างหนึ่ง เหมือนพวกเขากำลังพยายามข่มขู่เรา แต่ฉันเรียนที่นี่มาหลายปีแล้ว รู้ดีว่าดีซีเป็นยังไง ส่วนใหญ่ก็ค่อนข้างสงบ”
คริสติน ซีลออฟ ครูโรงเรียนรัฐบาลจากบัลติมอร์ ผู้ประท้วงอีกหนึ่งคนกังวลว่า เร็วๆ นี้ทรัมป์คงส่งกองกำลังป้องกันชาติไปยังเมืองของเธอตามที่เขาเคยขู่เอาไว้ และนี่ก็เป็นแค่ “การแสดงพลังเพื่อข่มขู่ประชาชน”
ไม่เพียงเท่านั้นผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งยังถือป้ายต่อต้านเจ้าหน้าที่ ICE ด้วย ผู้เดินขบวนหลายคนไม่พอใจกับการบุกจับคนต่างด้าวของICE ด้วยมองว่าเป็นการทำให้ครอบครัวพลัดพราก
“ควรใช้วิธีที่มีมนุษยธรรมและการทูตมากกว่านี้ในการแก้ไขปัญหาคนต่างด้าวลักลอบเข้าเมือง สิ่งที่พวกเขาทำมันไม่ใช่คน” แทมมี ไพรซ์ ครูเกษียณกล่าวก่อนเสริม
“ยังมีอะไรให้ทำอีกมากมายแทนที่จะใช้เงินหลายล้านดอลลาร์ของผู้เสียภาษีจ่ายไปกับ ICE และกองกำลังป้องกันชาติ นั่นมันภาษีของเราทั้งนั้น"
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญประเมินกับซีเอ็นเอ็นว่า ภารกิจดังกล่าวใช้เงินวันละ 1 ล้านดอลลาร์โดยประมาณ







