ฉากทัศน์ Wild Card: สงครามนิวเคลียร์ | คิดอนาคต

ฉากทัศน์ Wild Card: สงครามนิวเคลียร์ | คิดอนาคต

ในห้องฝึกอบรมการวิเคราะห์และสร้างฉากทัศน์อนาคต กรอบแนวคิดการวิเคราะห์อนาคต (Foresight) จะไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการมองอนาคตเชิงเส้นตรง หรือการมองปัจจัยความไม่แน่นอนเพียงไม่กี่รูปแบบเท่านั้น

แต่ยังรวมถึงการวิเคราะห์ฉากทัศน์อนาคตแบบสุดขั้ว (extreme scenarios) หรือเหตุการณ์แบบพลิกผันไม่ทันคาดคิด (wild card) ซึ่งแม้โอกาสเกิดจะต่ำ แต่ผลกระทบกลับสูงจนน่ากลัว

หนึ่งในตัวอย่างเหตุการณ์แบบพลิกผันไม่ทันคาดคิดซึ่งคนเราเคยจินตนาการและพยายามหลีกเลี่ยงมาโดยตลอดคือ “สงครามนิวเคลียร์” ภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นได้ภายในไม่กี่นาที ด้วยการกดปุ่มเพียงครั้งเดียว ซึ่งอาจเกิดจากความตั้งใจหรือแม้กระทั่งเพราะระบบตรวจจับผิดพลาด

Annie Jacobsen นักเขียนเชิงข่าวเชิงสืบสวน ผู้เคยสำรวจลึกถึงโครงการลับของสหรัฐฯ มาหลายทศวรรษ ได้เสนอฉากทัศน์แบบการโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์โดยไม่มีคำเตือนล่วงหน้าไว้ในหนังสือ Nuclear War: A Scenario โดยใช้ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ระดับสูง นักวิทยาศาสตร์ กองทัพ และหน่วยข่าวกรองที่ทำงานกับแผนรับมือสงครามนิวเคลียร์มาเป็นเวลาหลายสิบปี

ในฉากทัศน์นี้ ทุกอย่างเริ่มต้นในเวลาเพียงไม่กี่วินาที หลังระบบดาวเทียมของสหรัฐฯ ตรวจพบแสงจากไอพ่นของขีปนาวุธที่พุ่งขึ้นจากพื้นดินแห่งหนึ่งในประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออก เป้าหมายคือเพนตากอน กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ขีปนาวุธติดหัวรบเทอร์โมนิวเคลียร์ขนาด 1 เมกะตัน เมื่อระเบิดกลางเมืองหลวงของสหรัฐฯ ภายในชั่วพริบตา สิ่งมีชีวิต วัตถุ และสถาปัตยกรรมในรัศมีหลายกิโลเมตรกลายเป็นเถ้าธุลี

อาคารเพนตากอน สัญลักษณ์ของพลังอำนาจทางทหารจะละลายหายไปในเสี้ยววินาที พร้อมกับพนักงานนับหมื่นคน แสงรังสี ความร้อน และคลื่นกระแทกจะแผ่กระจายไปหลายไมล์ เผาไหม้เสื้อผ้าของผู้คนที่กำลังนั่งดูเบสบอลอยู่ในสนามกีฬา หรือนั่งประชุมอยู่ในสภาคองเกรส เหลือไว้เพียงซากเถ้าถ่านและผู้เสียชีวิตที่ไม่ทันแม้แต่จะตระหนักว่าอะไรได้เกิดขึ้น และนั่นเป็นเพียง 3 วินาทีแรกของสงคราม

ในฉากทัศน์ของ Jacobsen หลังจากจุดระเบิดครั้งแรก ระบบบัญชาการรบของสหรัฐฯ เปิดใช้งาน หน่วยคอมมานด์ของกองทัพเริ่มวิเคราะห์ทิศทางขีปนาวุธ แจ้งเตือนประธานาธิบดีให้ตัดสินใจว่าจะตอบโต้ทันทีหรือไม่ โดยรู้ดีว่านั่นหมายถึงจุดจบของมวลมนุษย์ หลังจากนั้นอีกเพียง 24 นาทีต่อมา หัวรบนิวเคลียร์จากอีก 2 ประเทศที่เป็นอริกับสหรัฐก็บินข้ามซีกโลกมาสู่ลอสแอนเจลิส ชิคาโก และนิวยอร์ก พร้อมกันนั้นประเทศพันธมิตรในยุโรป เอเชีย และตะวันออกกลางจะพลอยตกอยู่ในขุมนรก

ไม่มีแผนไหนสำหรับสงครามนิวเคลียร์ที่ลงเอยด้วยชัยชนะ เพราะผลกระทบจะไม่ได้จำกัดแค่ความตายจากการระเบิดโดยตรง แต่ยังรวมถึงฤดูหนาวนิวเคลียร์ (nuclear winter) ซึ่งฝุ่นเขม่าจากเมืองที่ถูกเผาไหม้จะบดบังแสงแดดทั่วโลก ทำให้อุณหภูมิลดลง พืชผลเสียหาย ห่วงโซ่อาหารล่มสลาย และผู้คนอีกนับพันล้านตกอยู่ในภาวะอดอยาก

จากบันทึกประวัติศาสตร์พบว่า นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง ประเทศมหาอำนาจและประเทศที่ครอบครองนิวเคลียร์ได้สะสมหัวรบนิวเคลียร์มากถึงกว่า 30,000 ลูก และแม้จะลดลงในปัจจุบัน แต่ยังมีหัวรบมากกว่า 5,000 ลูกที่ยังสามารถใช้งานได้ทันทีภายในไม่กี่นาที

หากการมองฉากทัศน์อนาคต คือ การใช้จินตนาการเชิงยุทธศาสตร์เพื่อเตรียมพร้อมต่อความไม่แน่นอน ฉากทัศน์สงครามนิวเคลียร์ก็เปรียบเสมือนแบบฝึกหัดที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องทำความเข้าใจ เพื่อกระตุ้นให้สังคมตระหนักว่า ทุกคนยังมีทางเลือก หากเลือกจะใช้มัน รัฐที่มีอำนาจสามารถเริ่มได้ด้วยการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สร้างความโปร่งใสด้านคลังอาวุธ ลดความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และเปลี่ยนจากการแข่งขันสะสมอาวุธมาสู่ความมั่นคงร่วมกัน แทนที่จะข่มขู่กันด้วยพลังทำลายล้าง

ประเทศไทย แม้จะไม่ได้เป็นประเทศที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์หรืออยู่ในแนวปะทะหลักของขั้วมหาอำนาจ แต่ก็ไม่สามารถละเลยความเสี่ยงนี้ได้ โดยเฉพาะผลกระทบจาก “ฤดูหนาวนิวเคลียร์”

การเตรียมพร้อมเชิงนโยบาย เช่น การมีแผนรับมือภัยพิบัติฉุกเฉินข้ามพรมแดน การบูรณาการศักยภาพของศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ การวางระบบสื่อสารฉุกเฉินระดับชุมชน ไปจนถึงการให้ความรู้ประชาชนเกี่ยวกับภัยทางรังสีในแบบง่ายและเข้าถึงได้

แม้คนไทยไม่ใช่เป้าหมายโดยตรง แต่สงครามนิวเคลียร์ระดับโลกย่อมส่งผลกระทบทางอ้อมถึงทุกคน ทั้งด้านอาหาร พลังงาน โลจิสติกส์ และสภาพอากาศ การเตรียมตัวขั้นพื้นฐานอย่างการสำรองน้ำและอาหารแห้ง การจัดกระเป๋าฉุกเฉิน การเรียนรู้ปฐมพยาบาล และการมีแผนสื่อสารกับครอบครัวเมื่อเครือข่ายล่ม ล้วนสามารถทำได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้ทรัพยากรมาก สิ่งสำคัญคือ การติดตามข่าวจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ไม่ตื่นตระหนกกับข่าวลวง และเข้าใจภัยนิวเคลียร์ในระดับรู้เท่าทัน

สำหรับคนเมือง การรู้ตำแหน่งที่หลบภัยใต้ดิน เช่น สถานีรถไฟฟ้า โรงจอดรถ หรืออาคารที่มีชั้นใต้ดิน และเข้าใจหลักการหลบรังสีเบื้องต้น อาจช่วยชีวิตได้ในยามฉุกเฉิน แม้เรื่องเหล่านี้จะฟังดูไกลตัว แต่เป็นองค์ความรู้พื้นฐานที่ควรเผยแพร่ให้ประชาชนอย่างต่อเนื่อง

นี่อาจเป็นภาพอนาคตแบบดิสโทเปียเกินไป แต่ก็เป็นฉากทัศน์หนึ่งในทางแยกของอนาคตจำนวนมากที่เราต้องเตรียมพร้อมไว้โดยเฉพาะเมื่อสถานการณ์มีความเปราะบางและความน่าจะเป็นที่จะเกิดขึ้นดูเพิ่มขึ้นมากกว่าที่เราเคยคิดไว้

 

ฉากทัศน์ Wild Card: สงครามนิวเคลียร์ | คิดอนาคต