เปิดที่ตั้ง ‘ฐานทัพสหรัฐ’ ในตะวันออกกลาง ปักหลักที่ไหนบ้าง

สหรัฐ ประกาศเมื่อวันพุธ (11 มิ.ย.) ที่ผ่านมาว่า ได้สั่งอพยพบุคลากรบางส่วนจากสถานทูตในอิรัก รวมถึงอนุญาตให้ผู้ติดตามของเจ้าหน้าที่สหรัฐเดินทางออกจากประเทศต่างๆ ในตะวันออกกลาง เช่น บาห์เรน คูเวต และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) “โดยสมัครใจ” เนื่องจากความกังวัลด้านความมั่นคงในภูมิภาคที่เพิ่มมากขึ้น

สัปดาห์ที่แล้วประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า ได้ตัดสินใจอพยพบุคลากรเนื่องจากพื้นที่ตะวันออกกลางนั้นอาจเป็น “พื้นที่อันตราย”

ความตึงเครียดในภูมิภาคตะวันออกกลางยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการเจรจาโครงการนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐและอิหร่านที่ยังหยุดชะงัก และความตึงเครียดยังทวีความรุนแรงขึ้นไปอีกเมื่ออิสราเอลโจมตีอิหร่านตั้งแต่วันศุกร์ (13 มิ.ย.) ที่ผ่านมา

ท่ามกลางความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ เตือนในวันอังคาร (17 มิ.ย.) ให้อิหร่านยอมจำนน โดยไม่มีเงื่อนไข จนมีคาดการณ์ออกมาว่า สหรัฐอาจร่วมอิสราเอลโจมตีอิหร่าน

ล่าสุด มีรายงานว่าสหรัฐได้ส่งเครื่องบินรบและเรือบรรทุกเครื่องบินรบไปประจำกลางในตะวันออกกลางเพิ่มแล้ว

แม้ยังไม่ชัดเจนว่าอิหร่านจะโจมตีกองทัพสหรัฐหรือไม่ ตามที่เคยบอกไว้ว่าจะโจมตีประเทศที่ให้ความช่วยเหลือออิสราเอล แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเปิดศึกกับสหรัฐและอิสราเอลในเวลาเดียวกัน เนื่องจากสหรัฐมีฐานทัพอยู่ในหลายประเทศในตะวันออกกลาง หากโจมตีฐานทัพใดฐานทัพหนึ่ง ความขัดแย้งอาจทวีความรุนแรงจนยากจะควบคุม

ฐานทัพกองทัพสหรัฐในตะวันออกกลางอยู่ที่ไหนบ้าง?

กองทัพสหรัฐ ได้ดำเนินการฐานทัพในตะวันออกกลางมานานหลายทศวรรษ

ข้อมูลจากสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศระบุว่า สหรัฐมีเครือข่ายฐานทัพที่กว้างขวาง ทั้งแบบถาวรและชั่วคราว ในกว่า 19 พื้นที่ทั่วภูมิภาค

ในจำนวนนี้มีฐานทัพถาวรทั้งหมด 8 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ในบาห์เรน อียิปต์ อิรัก จอร์แดน คูเวต กาตาร์ ซาอุดีอาระเบีย และยูเออี

ทหารสหรัฐในตะวันออกกลางมีกี่นาย?

สหรัฐส่งทหารไปตะวันออกกลางครั้งแรกในเดือนก.ค. ปี 1958 เมื่อสหรัฐส่งกองทัพแนวหน้าไปยังเบรุตระหว่างวิกฤตการณ์เลบานอน ในจุดสูงสุดของเหตุการณ์มีทหารนาวิกโยธินและทหารบกสหรัฐในเลบานอนเกือบ 15,000 นาย

ณ กลางปี 2025 มีทหารสหรัฐอยู่ในตะวันออกกลางราว 40,000 ถึง 50,000 นาย ประกอบไปด้วยทั้งบุคลากรประจำฐานทัพถาวรขนาดใหญ่และบุคลากรประจำฐานทัพแนวหน้าขนาดเล็กทั่วทั้งภูมิภาค

โดยประเทศที่มีทหารสหรัฐประจำอยู่มากที่สุดได้แก่:

• กาตาร์
• บาห์เรน
• คูเวต
• สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
• ซาอุดีอาระเบีย

ซึ่งสถานที่เหล่านี้ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางสำคัญสำหรับการปฏิบัติการทางอากาศและทางทะเล รวมถึงการขนส่งในภูมิภาค การรวบรวมข้อมูล และการฉายกำลัง

ฐานทัพสหรัฐที่สำคัญในตะวันออกกลาง

ฐานทัพอากาศอัลอูเดด (กาตาร์)

ฐานทัพนี้เป็นฐานทัพสหรัฐที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง ก่อตั้งในปี 1996 มีพื้นที่ 24 เฮกตาร์ (ประมาณ 150 ไร่) สามารถรองรับเครื่องบินและโดรนได้เกือบ 100 ลำ และมีทหารประจำการอยู่ประมาณ 10,000 ราย ฐานทัพนี้ทำหน้าที่เป็นสำนักงานใหญ่ของกองบัญชาการกลางสหรัฐ (CENTCOM) และเป็นศูนย์กลางการดำเนินการในอิรัก ซีเรีย และอัฟกานิสถาน

กองสนับสนุนกองทัพเรือ หรือ NSA (บาห์เรน)

ฐานทัพเรือสหรัฐนี้ ปัจจุบันตั้งอยู่บนพื้นที่ที่เดิมเคยเป็นฐานทัพเรือของอังกฤษ หรือ HMS Jufair มีเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมประจำการอยู่ประมาณ 9,000 นาย ซึ่งจำนวนนี้รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทหารและพลเรือน ฐานทัพแห่งนี้เป็นที่ตั้งของกองเรือที่ 5 ของกองทัพเรือสหรัฐ ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้กับเรือ เครื่องบิน หน่วยรบ และสถานที่ห่างไกลอื่นๆ ในภูมิภาค

ค่ายอาริฟจาน (คูเวต)

ฐานทัพนี้เป็นฐานทัพหลักของกองทัพสหรัฐ ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของคูเวตซิตี เมืองหลวงของประเทศคูเวต โดยห่างจากตัวเมืองไปประมาณ 55 กิโลเมตร สร้างขึ้นในปี 1999 และทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ การจัดหาซัพพลาย และเป็นฐานควบคุมหลักสำหรับปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะในเขตรับผิดชอบของ CENTCOM

ฐานทัพอากาศอัล-ดาฟรา (ยูเออี)

ฐานทัพนี้เป็นฐานทัพเชิงยุทธศาสตร์ที่เน้นการลาดตระเวน การรวบรวมข่าวกรอง และการสนับสนุนการปฏิบัติการรบทางอากาศ เป็นที่ตั้งของอากาศยานล้ำสมัยเช่น เครื่องบินรบสเตลท์ F-22 Raptor และเครื่องบินลาดตระเวนหลากหลายประเภท ซึ่งรวมไปถึงโดรนและระบบเตือนภัยทางอากาศล่วงหน้า (AWACS)

ฐานทัพอากาศเออร์บิล (อิรัก)

ฐานทัพนี้เป็นฐานทัพที่กองทัพสหรัฐใช้ปฏิบัติการทางอากาศ โดยเฉพาะในอิรักตอนเหนือและซีเรีย และเป็นสถานที่ที่กองทัพสหรัฐให้คำแนะนำแก่กองกำลังเคิร์ดและอิรัก

 

อ้างอิง: Al Jazeera