'ทรัมป์' เล็งโยก 'ทุนวิจัยฮาวาร์ด' 3,000 ล้านดอลล์ ให้สถาบันอาชีวศึกษา

'ทรัมป์' เล็งโยก 'ทุนวิจัยฮาวาร์ด' 3,000 ล้านดอลล์ ให้สถาบันอาชีวศึกษา

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ เล็งโยกเงินทุนวิจัยของมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด ให้โรงเรียนอาชีวศึกษา กดดันสถาบันทำตามคำสั่งในการควบคุมนักศึกษาที่สนับสนุนปาเลสไตน์

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ เผยเมื่อวันจันทร์ (26 พ.ค.) กำลังพิจารณาย้ายเงินทุนช่วยเหลือ 3,000 ล้านดอลลาร์สำหรับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมของมหาวิทยาลัยฮาวาร์ดที่ได้รับมาก่อนหน้านี้ ไปให้โรงเรียนอาชีวศึกษา

การแสดงความเห็นผ่านทรูธโซเชียลของทรัมป์มีขึ้นไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์หลังจากรัฐบาลของเขาพยายามขัดขวางสถาบันไอวีลีก ไม่ให้รับนักศึกษาต่างชาติ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่ไม่ปกติของทรัมป์ในการควบคุมสถาบันการศึกษาบางแห่งของสหรัฐ

ในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ระงับให้เงินทุนจากรัฐบาลกลางต่อฮาวาร์ด ราว 3,000 ล้านดอลลาร์ และวิจารณ์สถาบันว่าจ้างคนในเดโมแครต พวกฝ่ายซ้ายที่โง่เขลาและคนทึ่ม มาเป็นอาจารย์ของสถาบัน

มหาวิทยาลัยเอกชนฮาวาร์ด ได้ยื่นฟ้องร้องเพื่อเรียกคืนเงินทุน และว่าการตัดงบประมาณเป็นการโจมตีสิทธิเสรีภาพในการพูดและผิดกฎหมาย

ทั้งนี้ เงินสนับสนุนส่วนใหญ่นั้นสภาคองเกรสได้จัดสรรให้แก่สถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NIH) เพื่อนำไปใช้เป็นทุนในการวิจัยทางชีวการแพทย์ซึ่งเป็นงานที่ไม่ค่อยมีการดำเนินการในโรงเรียนอาชีวศึกษา

อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่าทรัมป์กล่าวเจาะจงถึงเงินทุนของม.ฮาวาร์ด ที่รัฐบาลประกาศระงับไปก่อนหน้านี้หรือไม่

ฮาวาร์ดได้รับจดหมายเมื่อต้นเดือนพ.ค. ซึ่งส่งมาจาก NIH, กรมป่าไม้สหรัฐ, กระทรวงพลังงาน, กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานอื่นๆ โดยระบุว่า เงินทุนสนับสนุนจากรัฐบาลกลางเกือบทั้งหมดถูกเพิกถอนแล้ว และจดหมายจากแต่ละหน่วยงานระบุว่า เงินเหล่านั้นถูกระงับเนื่องจากงบฯ ส่วนนั้นไม่ได้ช่วยให้หน่วยงานบรรลุเป้าหมายอีกต่อไป

ฮาวาร์ดยังไม่ตอบกลับคำขอความเห็น ขณะที่ทำเนียบขาวยังไม่ตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องเงินทุนเฉพาะส่วนที่ทรัมป์ต้องการโยกย้าย หรือวิธีการจัดสรรเงินทุนใหม่ให้กับสถาบันอาชีวศึกษา

ส่วนความพยายามที่รัฐบาลทรัมป์ต้องการเพิกถอนสิทธิในการรับนักศึกษาต่างชาติของฮาวาร์ด อาจมีผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อสถาบัน รวมถึงผู้ที่ถือวีซ่าถูกนักศึกษามากกว่า 7,000 คน

ทั้งนี้ ในปีการศึกษาปัจจุบัน ฮาวาร์ดมีนักเรียนต่างชาติเกือบ 6,800 คน หรือคิดเป็น 27% ของนักเรียนทั้งหมด และถือเป็นแหล่งรายได้สำคัญของสถาบัน

 

อ้างอิง: Reuters