ส่งออก ‘ญี่ปุ่น’ เดือนเม.ย. โตแค่ 2% ภาษีทรัมป์กดดันตัวเลขชะลอตัว

ส่งออก ‘ญี่ปุ่น’ เดือนเม.ย. โตแค่ 2% ชะลอตัวลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน แรงกดดัน 'ภาษีทรัมป์' กระทบการส่งออกรถยนต์และเหล็ก โดยเฉพาะส่งออกไปสหรัฐหดตัวแรง 1.8%
ซีเอ็นบีซีรายงานว่ารัฐบาล “ญี่ปุ่น” ได้เปิดเผยข้อมูลการส่งออกของญี่ปุ่น ในเดือนเม.ย.68 เติบโตเพียง 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งชะลอตัวลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน และชะลอตัวลงจาก 4% ในเดือนมี.ค. เนื่องจากการส่งออกรถยนต์และเหล็กชะลอตัวจากการขึ้นภาษีศุลกากรครั้งใหญ่ของประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น
ตัวเลขการส่งออกของญี่ปุ่นสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์จากสำนักข่าวรอยเตอร์ แต่ถือเป็น “ระดับต่ำสุด” ในรอบ 6 เดือนนับตั้งแต่เดือนต.ค. 67 ขณะเดียวกัน “การนำเข้า” ของญี่ปุ่นก็หดตัวลง 2.2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งถือว่าดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลงถึง 4.5%
‘ภาษีทรัมป์’ กดยอดส่งออกรถยนต์ไปสหรัฐหดตัว
ข้อมูลจากกระทรวงการคลังญี่ปุ่นระบุว่า ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา การส่งออกของญี่ปุ่นได้รับผลกระทบอย่างมากจากภาวะเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะการส่งออกไปยังสหรัฐที่ลดลง 1.8% ซึ่งเป็นผลมาจากการลดลงของการส่งออกรถยนต์และเครื่องจักรก่อสร้าง ขณะเดียวกัน การส่งออกไปยังจีนและยุโรปก็ลดลง 0.6% และ 5.2% ตามลำดับ
นอกจากนี้ ค่าเงินเยนที่แข็งค่าขึ้น 2.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 147.7 เยนต่อดอลลาร์ ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลกระทบในทางลบต่อทั้งการส่งออกและนำเข้าของญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากนโยบายภาษีของทรัมป์ โดยเฉพาะการที่สหรัฐเริ่มเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ 25% ซึ่งมีผลบังคับใช้ในวันที่ 3 เม.ย.และเก็บภาษีเหล็กกล้าและอลูมิเนียม 25% ที่เริ่มใช้ตั้งแต่เดือนเม.ย.และมี.ค.68 ที่ผ่านมา
ตามข้อมูลของศุลกากรระบุว่ารถยนต์ถือเป็นสินค้าส่งออกหลักของญี่ปุ่นไปยังสหรัฐโดยคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 28.3% ของการส่งออกทั้งหมดในปีที่ผ่านมา สะท้อนมาตรการภาษีเหล่านี้จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น
ยูอิจิ โคดามะ นักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันวิจัยเมจิ ยาสุดะชี้ให้เห็นว่า ผลกระทบจากภาษีศุลกากรเริ่มปรากฏชัดเจนแล้ว และคาดว่าจะรุนแรงขึ้นในอนาคต ซึ่งจะสร้างแรงกดดันเชิงลบต่อการค้ามากขึ้นเรื่อยๆ







