ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้น 3% จากการปรับลดภาษีศุลกากร แนวโน้มตลาดดี

ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นราว 3% ในวันอังคาร โดยได้แรงหนุนจากการปรับลดภาษีศุลกากรระหว่างสหรัฐฯ และจีนชั่วคราว และรายงานเงินเฟ้อที่ดีเกินคาด ลดความกังวลเศรษฐกิจถดถอย
รอยเตอร์ รายงานภาวะตลาดน้ำมันดิบวันอังคาร (13 พ.ค.) ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นราว 3% ในวันอังคาร โดยได้แรงหนุนจากการปรับลดภาษีศุลกากรระหว่างสหรัฐฯ และจีนชั่วคราว และรายงานเงินเฟ้อที่ดีเกินคาด จุดความหวังเศรษฐกิจสหรัฐจะยังคงเติบโตไม่ถดถอยอย่างที่เคยกลัว
โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์ตลาดล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 1.67 ดอลลาร์ หรือ 2.57% ปิดที่ 66.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียต
(WTI) ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 1.72 ดอลลาร์ หรือ 2.78% ปิดที่ 63.67 ดอลลาร์
ข้อตกลงการค้าจีน-สหรัฐหนุนตลาด
ราคาน้ำมันดิบอ้างอิงทั้งสองตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 4% หรือมากกว่านั้นในช่วงก่อนหน้า หลังจากที่สหรัฐฯ และจีนตกลงลดภาษีศุลกากรลงอย่างมากเป็นเวลาอย่างน้อย 90 วัน ซึ่งยังช่วยหนุนตลาดหุ้นวอลล์สตรีทและดอลลาร์
“เราไม่ได้มีส่วนร่วมมากเท่ากับตลาดอื่นๆ เมื่อวานนี้ในช่วงที่ปัจจัยจีนทำให้ตลาดเฟื่องฟู ดังนั้นวันนี้เราจะเร่งให้ทัน” จอห์น คิลดัฟฟ์ หุ้นส่วนของ Again Capital LLC กล่าว “ข้อมูลในเช้านี้ยังทำให้เฟดมีช่องทางในการดำเนินการบางอย่าง”
เงินเฟ้อสหรัฐต่ำกว่าคาดหนุนตลาดน้ำมัน
รายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐเผยแพร่ในวันอังคารระบุว่า อัตราเงินเฟ้อในเดือนเมษายนอยู่ที่ 2.3% ซึ่งถือเป็นอัตราเงินเฟ้อปีต่อปีที่ต่ำที่สุดในรอบ 4 ปี ส่งผลให้บริษัทในวอลล์สตรีท เช่น ธนาคาร เจพี มอร์แกน เชส และบาร์เคลย์ ทบทวนการคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐใหม่จากที่เคยประเมินว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยได้ยกเลิกการคาดการณ์เชิงลบดังกล่าว
ตัวเลขเงินเฟ้อที่อ่อนลงคาดว่าจะกระตุ้นให้ธนาคารกลางสหรัฐคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับเดิมในระยะสั้น ซึ่งจะกระตุ้นให้ผู้บริโภคใช้จ่ายมากขึ้น ก่อนหน้านี้ความหวาดกลัวต่อผลกระทบของภาษีศุลกากรต่อราคาสินค้าจะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขึ้น
องค์กรร่วมประเทศผู้ผลิตน้ำมันเพื่อการส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และพันธมิตร หรือที่รู้จักในนามโอเปกพลัส มีแผนที่จะกระตุ้นการส่งออกน้ำมันในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน ซึ่งถือเป็นปัจจัยจำกัดการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมัน
โอเปกได้เพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันมากกว่าที่คาดไว้ตั้งแต่เดือนเมษายน โดยปริมาณการผลิตในเดือนพฤษภาคมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 411,000 บาร์เรลต่อวัน
ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวแจ้งกับรอยเตอร์ว่า ปริมาณน้ำมันดิบที่ซาอุดีอาระเบียส่งไปยังจีนจะทรงตัวในเดือนมิถุนายน หลังจากแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปีในเดือนก่อนหน้า หลังจากที่โอเปกพลัส ตัดสินใจเพิ่มปริมาณการผลิต
ซาอุดีอาระเบียเป็นซัพพลายเออร์น้ำมันดิบรายใหญ่เป็นอันดับสองของจีน รองจากรัสเซีย
สัญญาณอื่นๆ บ่งชี้ว่าความต้องการน้ำมันกลั่นยังคงแข็งแกร่ง
“แม้ว่าแนวโน้มความต้องการน้ำมันดิบจะแย่ลง แต่ไม่สามารถมองข้ามสัญญาณเชิงบวกจากตลาดเชื้อเพลิงได้” นักวิเคราะห์ของ JP Morgan กล่าวในบันทึก
“แม้ว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะลดลง 22% นับตั้งแต่แตะจุดสูงสุดเมื่อวันที่ 15 มกราคม แต่ราคาน้ำมันกลั่นและค่าการกลั่นยังคงทรงตัว”
การลดกำลังการกลั่นน้ำมัน ส่วนใหญ่อยู่ในสหรัฐอเมริกาและยุโรป ส่งผลให้ดุลน้ำมันเบนซินและดีเซลตึงตัวขึ้น ทำให้มีการพึ่งพาการนำเข้ามากขึ้น และมีความเสี่ยงต่อราคาที่จะพุ่งสูงขึ้นระหว่างการบำรุงรักษาโรงกลั่นและเหตุการณ์ไฟฟ้าดับ พวกเขากล่าวเสริม






