Shein-Temu เตือนผู้ใช้งานสหรัฐ จ่อขึ้นราคาหลังทรัมป์เพิ่มภาษีจีน

สำนักข่าวบีบีซี รายงานเมื่อวันที่ 17 เม.ย. ว่า Shein และ Temu แอปพลิเคชันอีคอมเมิร์ซชั้นนำจากจีนได้ออกจดหมายแจ้งเตือนพลเมืองสหรัฐฯ ว่าจะปรับขึ้นราคาสินค้าหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้าจากจีนเพิ่มสูงขึ้น

รวมทั้งบริษัทคู่แข่งอีกจำนวนหนึ่งยังเปิดเผยในทำนองเดียวกันว่า ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราภาษีและระเบียบการค้าโลก อีกทั้งยังมีการเปิดเผยเพิ่มเติมว่าจะมีการปรับราคาสินค้าตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย. เป็นต้นไป

ทั้งนี้ Shein และ Temu มีผู้ใช้งานในสหรัฐหลายสิบล้านคนจากราคาสินค้าที่ถูกกว่าสินค้าทั่วไปในสหรัฐหลายเท่า

บทวิเคราะห์ของบีบีซี ระบุว่า ความนิยมของแอปฯ อีคอมเมิร์ซทั้งสองส่งผลให้แอมะซอน แอปฯ ช้อปปิงอันดับหนึ่งของสหรัฐได้เปิดตัวแอปฯ Hual โดยชูจุดเด่นที่ราคาสินค้าทุกชิ้นต่ำกว่า 20 ดอลลาร์ (ประมาณ 700 บาท)  ในเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา

หลังจากทรัมป์กลับเข้าสู่ทำเนียบขาว ในเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดการเรียกเก็บภาษีศุลกากรสินค้าจากจีนสูงถึง 145% โดยรัฐบาลของทรัมป์กล่าวว่าสัปดาห์นี้หลังจากเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม จะส่งผลให้อัตราภาษีรวมที่เก็บจากสินค้าจีน สูงสุดถึง 245%

นอกจากนี้ ทรัมป์ยังได้ยกเลิกข้อตกลงว่าด้วยการยกเว้นภาษีศุลกากร สำหรับสินค้าที่ราคาต่ำกว่า 800 ดอลลาร์ (ประมาณ 28,000 บาท) เพราะข้อตกลงดังกล่าวเอื้อให้ Shein และ Temu สามารถรุกเข้าสู้ตลาดสหรัฐฯ ได้อย่างรวดเร็ว

ด้านสมาชิกสภานิติบัญญัติของสหรัฐฯ ทั้งสองฝั่งยังได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายของบริษัทเหล่านี้อีกด้วย

รายงานจากกรมศุลกากรของสหรัฐฯ ระบุว่า ปีที่ผ่านมามีการนำเข้าสินค้าผ่านข้อตกลงฉบับนี้ประมาณ 1,400 ล้านชิ้น ซึ่งเพิ่มขึ้น 140 ล้านชิ้น จากปี 2013 

รวมทั้งยังมีการรายงานว่า นับตั้งแต่ทรัมป์จัดเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มเติมส่งผลให้อันดับการติดตั้งแอปฯ Shein และ Temu ลดลงอย่างรวดเร็ว หลังจากเคยถูกจัดใน 1 ใน 5 แอปฯ ฟรี ที่มียอดดาวน์โหลดสูงสุดบน Apple Store ของสหรัฐฯ เมื่อ 2 ปีก่อน ปัจจุบัน Temu ถูกจัดในลำดับที่ 75 ในขณะที่ Shein ถูกจัดในลำดับที่ 58 ซึ่งลดลง 15 ลำดับจากเดือนที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม แอปฯ อีคอมเมิร์ซอื่น ๆ จากจีนยังคงมียอดดาวน์โหลดสูงอย่างต่อเนื่องในสหรัฐฯ เช่น  DHgate และ Taobao ถูกจัดในลำดับที่ 2 และ 7 ตามลำดับ

ทั้งนี้ มีการรายงานเพิ่มเติมว่าทั้ง Shein และ Temu ได้ทำการลดงบประมาณในการโฆษณาลงอย่างเห็นได้ชัด

ไมค์ ไรอัน หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูลอีคอมเมิร์ซ ของ Smarter Ecommerce บริษัทเอเจนซีโฆษณาออนไลน์ แสดงความคิดเห็นบน Linkedin ว่า ตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย. เป็นต้นมาบริษัทอีคอมเมิร์ซทั้งสองได้ยกเลิกการใช้งาน Google Shopping ads ในสหรัฐฯ ทั้งหมด

เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า ในช่วง 2 สัปดาห์ก่อน จนถึง 13 เม.ย. ที่ผ่านมา Temu มีค่าใช้จ่ายเพื่อการโฆษณาบนสื่อสังคมออนไลน์ เช่น Facebook, Instagram, และ Youtube ลดลง 31%

จากข้อมูลของบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลการตลาด Sensor Tower พบว่า ค่าใช้จ่ายในการโฆษณาเมื่อเปรียบเทียบในช่วงเวลาเดียวกันของ Shein ลดลง 19% เช่นเดียวกัน

ในคำแถลงของ Temu และ Shein พบว่า มีการโน้มน้าวให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อของก่อนที่ราคาสินค้าจะสูงขึ้น

โดยคำแถลงเปิดเผยว่า บริษัททั้งสองรับรองว่าการจัดส่งสินค้าในช่วงเวลาดังกล่าวจะเป็นไปแบบไม่เกิดปัญหา

“พวกเราทำทุกอย่างเพื่อรักษาราคาให้ต่ำ และมีผลกระทบต่อลูกค้าให้น้อยที่สุด พวกเราพยายามอย่างหนักเพื่อให้ประสบการณ์การช้อปออนไลน์ของลูกค้าดีที่สุด”

ด้าน Temu และ Shein ไม่ได้ให้ความคิดเห็นในเรื่องอื่น ๆ เพิ่มเติม

อ้างอิง: BBC