เทียบฟอร์มชาร์จไว 'Super e-Platform' ของ BYD กับ Tesla ปลอดภัยและน่าใช้แค่ไหน ?
BYD ปฏิวัติวงการยานยนต์ไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยี Super e-Platform ใหม่ ชาร์จเพียง 5 นาที วิ่งได้ไกล 400 กิโลเมตร เร็วกว่า Tesla ถึง 4 เท่า เปิดตัวในรุ่น Han L และ Tang L พร้อมจำหน่ายในจีนเดือนเม.ย.นี้
BYD ปฏิวัติวงการรถยนต์ไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยีชาร์จเร็ว
บริษัทรถยนต์จีน BYD กำลังสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในวงการยานยนต์ไฟฟ้าด้วยนวัตกรรมที่อาจเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมไปตลอดกาล ตามบทวิเคราะห์ของบลูมเบิร์ก BYD ได้พัฒนาแพลตฟอร์มรถยนต์ไฟฟ้าที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถชาร์จไฟได้ในเวลาประมาณเดียวกับการเติมน้ำมันรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป จากคำขวัญเดิม "คุณสมบัติมากขึ้นในราคาเท่าเดิม" และ "การขับขี่อัจฉริยะสำหรับทุกคน" ตอนนี้ BYD สามารถเพิ่ม "การชาร์จไฟเร็วเท่าการเติมน้ำมัน" เข้าไปในคำขวัญทางการตลาด
BYD ได้เปิดตัวเทคโนโลยีที่เรียกว่า Super e-Platform ในงานอีเวนต์เมื่อไม่นานมานี้ในประเทศจีน นวัตกรรมนี้ประกอบด้วยแบตเตอรี่แบบชาร์จเร็ว มอเตอร์ความเร็ว 30,000 รอบต่อนาที และชิปพลังงานซิลิคอนคาร์ไบด์ใหม่ที่พัฒนาขึ้นเอง ชิปนี้มีพิกัดแรงดันไฟฟ้าสูงถึง 1,500 โวลต์ ซึ่งเป็นค่าสูงสุดในอุตสาหกรรมยานยนต์ปัจจุบัน ส่วนแบตเตอรี่แบบชาร์จแฟลชมีช่องทางไอออนความเร็วสูงพิเศษที่ช่วยลดความต้านทานภายในของแบตเตอรี่ลงถึง 50% ทำให้ BYD พัฒนา "ระบบเทอร์มินัลชาร์จแฟลชพลังงานระดับเมกะวัตต์แบบระบายความร้อนด้วยของเหลวทั้งหมด"
พัฒนาการนี้ทำให้รถยนต์ของ BYD สามารถชาร์จไฟด้วยกำลังไฟฟ้า 1 เมกะวัตต์และมีความเร็วในการชาร์จสูงสุด 2 กิโลเมตรต่อวินาที ส่งผลให้เพิ่มระยะทางได้ 400 กิโลเมตรภายในเวลาชาร์จเพียง 5 นาที หรือเทียบเท่ากับ 80 กิโลเมตรต่อนาที ในขณะที่คู่แข่งอย่าง Li Auto ทำได้เพียง 42 กิโลเมตรต่อนาที (500 กิโลเมตรใน 12 นาที) Mercedes-Benz ทำได้ 33 กิโลเมตรต่อนาที (325 กิโลเมตรใน 10 นาที) และ Tesla ทำได้เพียง 18 กิโลเมตรต่อนาที (275 กิโลเมตรใน 15 นาที) นั่นหมายความว่าระบบชาร์จของ BYD เร็วกว่า Tesla ถึง 4 เท่า
BYD ยังระบุอีกว่า เทคโนโลยีใหม่นี้ได้พัฒนาอย่างก้าวกระโดดจนทำให้ Han L หนึ่งในรถยนต์ไฟฟ้าที่จะมาพร้อมกับแพลตฟอร์ม Super e-Platform ใหม่ มีความเทียบเท่ากับรถแข่ง Formula E ซึ่งเป็นการยกระดับความสามารถของรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม ยังมีคำถามเกี่ยวกับความปลอดภัยของเทคโนโลยีนี้ บทวิเคราะห์ของบลูมเบิร์กเผยว่า การชาร์จเร็วพิเศษอาจส่งผลต่อความปลอดภัยของแบตเตอรี่และความทนทานตลอดอายุการใช้งาน โดยเฉพาะในแบตเตอรี่ที่เก่าขึ้น กระแสไฟฟ้าสูงในการชาร์จอาจทำให้เกิดความร้อนสูงเกินไป ตามที่ศาสตราจารย์หยาง หมิงเกา จากมหาวิทยาลัยชิงหัวเขียนไว้ในงานวิจัยปี 2024 นอกจากนี้ ยังมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้นในการอัพเกรดรถยนต์ไฟฟ้า Guotai Junan Securities Co. ประมาณการณ์ว่าการอัปเกรดจากสถาปัตยกรรม 400 โวลต์เป็น 800 โวลต์อาจเพิ่มต้นทุนประมาณ 4,000 หยวน (550 ดอลลาร์) ต่อคัน ในขณะที่แพลตฟอร์มล่าสุดของ BYD เพิ่มเป็น 1,000 โวลต์
อีกความท้าทายหนึ่งคือเครือข่ายไฟฟ้าอาจไม่สามารถรองรับโหลดจากการชาร์จพลังงานสูงเช่นนี้ได้ ทำให้สถานีชาร์จเร็วพิเศษเหล่านี้อาจไม่สามารถดึงพลังงานจากเครือข่ายโดยตรงได้ แม้ว่า BYD กล่าวว่าวางแผนจะสร้างสถานีชาร์จมากกว่า 4,000 แห่งในประเทศจีน ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าบางราย เช่น Xpeng Inc. ซึ่งกำลังพัฒนาเทคโนโลยีการชาร์จเร็วพิเศษเช่นกัน ได้แก้ปัญหานี้ด้วยการติดตั้งหน่วยเก็บพลังงานพิเศษที่สถานีชาร์จเพื่อช่วยจัดการความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้น
ประธาน BYD หวัง ชวนฝู กล่าวว่า "ความกังวลในการชาร์จ" ยังคงเป็นความกังวลหลักของผู้บริโภค แม้จะมีความก้าวหน้าในเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า เพราะผู้ขับขี่ไม่ต้องการรอเป็นชั่วโมงในขณะที่รถกำลังชาร์จไฟ หรือแย่กว่านั้น ขับไปยังจุดชาร์จแล้วพบว่าเสียหรือมีคนใช้อยู่ รถยนต์ชาร์จเร็วพิเศษของ BYD จึงอาจช่วยบรรเทาความกังวลนี้ได้มาก วินเซนท์ ซัน นักวิเคราะห์ที่ Morningstar Inc. กล่าวว่าแบตเตอรี่ชาร์จเร็วเป็น "อีกก้าวหนึ่งในการลดความลังเลของผู้บริโภคต่อรถยนต์ไฟฟ้า" แต่เขาเสริมว่า ข้อกำหนดแรงดันไฟฟ้าสูงบนเสาชาร์จ "ยังไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวาง"
นอกจากนี้ ยังมีการเปรียบเทียบกับเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น แบตเตอรี่แบบโซลิดสเตท ซึ่งโดยทั่วไปถือว่าปลอดภัยกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบดั้งเดิม เพราะใช้อิเล็กโทรไลต์แบบของแข็งแทนอิเล็กโทรไลต์แบบของเหลวหรือเจล ทำให้มีความเสี่ยงต่ำกว่าในการเกิดโครงสร้างเดนไดรต์ที่อาจทำให้เกิดการลัดวงจร แบตเตอรี่แบบโซลิดสเตททำงานได้ปลอดภัยกว่าที่อุณหภูมิสูง ลดความเสี่ยงจากความร้อนสูงเกินไป และมีความเสี่ยงต่ำกว่าในการรั่วไหล อย่างไรก็ตาม แบตเตอรี่แบบโซลิดสเตทมีต้นทุนการผลิตสูงกว่ามาก มีปัญหาการแตกร้าวและเสื่อมสภาพเนื่องจากวงจรการชาร์จซ้ำ และมีประสิทธิภาพจำกัดที่อุณหภูมิต่ำ
ขณะนี้ ระบบของ BYD จะมีให้บริการเฉพาะในประเทศจีนเท่านั้น โดยรุ่นแรกที่จะมีแพลตฟอร์ม Super e-Platform คือ Han L และ Tang L ซึ่งได้เริ่มการขายล่วงหน้าอย่างเป็นทางการในประเทศจีนและจะเปิดตัวในเดือนเมษายน Han L จะมีราคาเริ่มต้นที่ 270,000 หยวน (ประมาณ 1,350,000 บาท) ส่วน Tang L จะเริ่มต้นที่ 280,000 หยวน (ประมาณ 1,400,000 บาท) ทั้งสองรุ่นนี้ยังมาพร้อมกับคุณสมบัติการขับขี่อัจฉริยะล่าสุดที่เรียกว่า God's Eye
นอกจากนี้ มีการตั้งคำถามเกี่ยวกับมูลค่าของการสลับแบตเตอรี่ที่ผู้ผลิตบางรายเสนอ โดยเฉพาะ Nio Inc. ที่สร้างสถานีสลับแบตเตอรี่มากกว่า 3,200 แห่งทั่วโลก แทนที่จะชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า การสลับแบตเตอรี่คือการที่ผู้ขับขี่เปลี่ยนแบตเตอรี่ที่ใช้หมดแล้วเป็นแบตเตอรี่ใหม่ ซึ่งผู้ผลิตรถยนต์ที่กำลังสร้างโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จของตนเอง ซึ่งรวมถึง BYD และ Tesla ต่างตั้งคำถามถึงความคุ้มค่าของเทคโนโลยีนี้
นวัตกรรมการชาร์จเร็วของ BYD เป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า ที่อาจช่วยลดอุปสรรคด้านความกังวลในการชาร์จและส่งเสริมการยอมรับรถยนต์ไฟฟ้าในวงกว้าง แม้จะยังมีคำถามด้านความปลอดภัยและความท้าทายในการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน แต่นี่อาจเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่จะช่วยให้ BYD ยึดส่วนแบ่งตลาดจากบริษัทผลิตรถยนต์ดั้งเดิมและคู่แข่งโดยตรงอย่าง Tesla ของอีลอน มัสก์
อ้างอิง: Bloomberg
