‘เวียดนาม’ บินไกลเยือนสหรัฐ โน้มน้าวทรัมป์ไม่ใช้ภาษีการค้า

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านการค้าของเวียดนาม “กำลังเดินทางเยือนสหรัฐ” เพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการค้ากับอเมริกา โดยหวังที่จะหลีกเลี่ยงมาตรการภาษีทรัมป์ ซึ่งอาจกระทบต่อการส่งออกของเวียดนามอย่างรุนแรง

“เหงียน ห่ง เดียน” รัฐมนตรีการค้าเวียดนาม มีกำหนดพบกับ “ฮาวเวิร์ด ลัทนิก” รัฐมนตรีพาณิชย์รวมถึงผู้แทนการค้าของสหรัฐ เพื่อหารือเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าทวิภาคี อีกทั้งยังคาดว่าจะมีการหารือเกี่ยวกับข้อตกลงด้านพลังงาน การปลอมแปลงแหล่งที่มาของสินค้า และการหลบเลี่ยงภาษีศุลกากรอีกด้วย

ทั้งนี้ สหรัฐ “ขาดดุลการค้า” กับเวียดนามมูลค่า 123,500 ล้านดอลลาร์ในปี 2024 ตามข้อมูลจากสำนักงานผู้แทนการค้าของสหรัฐ จนทำให้เวียดนามได้รับความสนใจจากสหรัฐ จากนโยบาย “อเมริกาต้องมาก่อน” ของทรัมป์ที่ยังคงพึ่งพาภาษีศุลกากร เพื่อแก้ไขนโยบายการค้าที่ถูกมองว่าไม่เป็นธรรม

การขาดดุลการค้านี้ เป็นช่องว่างที่สูงเป็นอันดับ 3 ของสหรัฐ รองจากจีนและเม็กซิโก ส่วนหนึ่งเกิดจากการเปลี่ยนเส้นทางการค้า โดยบริษัทจีนตั้งฐานการผลิตในประเทศอื่น เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร โดยในปี 2024 เวียดนามแซงหน้าญี่ปุ่น กลายเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่เป็นอันดับสามของจีนเป็นครั้งแรก ทำให้ประเทศนี้กลายเป็นศูนย์กลางของความขัดแย้งทางเศรษฐกิจระหว่างสองมหาอำนาจ

เวียดนามจัดให้จีนและสหรัฐ เป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดสองอันดับแรกของตน และกำลังพยายามรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับทั้งสองประเทศซึ่งเอื้อต่อเศรษฐกิจ 

“คำถามคือ สหรัฐต้องการอะไรจากเวียดนามกันแน่” เล หง ฮิป นักวิจัยอาวุโสจากโครงการศึกษาเวียดนามของสถาบัน ISEAS-Yusof Ishak ในสิงคโปร์กล่าว พร้อมเสริมว่า ความร่วมมืออาจรวมถึงการทำงานร่วมกันในการผลิตแร่หายาก

สำหรับเวียดนามมีปริมาณสำรอง “แร่หายาก” มากเป็นอันดับ 2 ของโลก อยู่ที่ประมาณ 22 ล้านตัน รองจากจีน ตามข้อมูลของสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ

แร่เหล่านี้ได้รับความสนใจมากขึ้น หลังจากที่ทรัมป์พยายามจัดหาจากยูเครนเพื่อแลกกับการสนับสนุนจากสหรัฐ ในขณะที่ยูเครนกำลังต่อสู้กับการบุกของรัสเซีย แร่หายากถือเป็นหนึ่งในวัตถุดิบที่สำคัญที่สุดในโลก ซึ่งมีบทบาทสำคัญในเทคโนโลยีต่าง ๆ

นอกจากนี้ เวียดนามยังพยายามเอาใจรัฐบาลทรัมป์ด้วยการให้คำมั่นว่า จะซื้อสินค้าสำคัญจากสหรัฐ เช่น เครื่องบิน ก๊าซธรรมชาติเหลว และผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีขั้นสูง โดยฝั่ม มิญ จิ๊ญ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ได้กระตุ้นให้เจ้าหน้าที่รัฐอนุมัติบริการดาวเทียม Starlink ของอีลอน มัสก์ และถึงกับกล่าวว่า เขายินดีเล่นกอล์ฟกับประธานาธิบดีทรัมป์ทั้งวัน หากสิ่งนั้นจะช่วยกระชับความสัมพันธ์ได้

ไม่เพียงเท่านั้น เวียดนามเคยประกาศเมื่อเดือนที่แล้วว่า พร้อมเปิดตลาดสำหรับสินค้าจากสหรัฐ และยินดีต้อนรับนักลงทุนอเมริกันให้เข้ามามีส่วนร่วมในโครงการพลังงานและเหมืองแร่

อีกประเด็นที่อยู่ในการเจรจาคือ โอกาสเพิ่มการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐ ในปัจจุบัน เวียดนามเป็นตลาดใหญ่อันดับ 9 สำหรับผลิตภัณฑ์การเกษตรของสหรัฐ โดยนำเข้าสินค้าต่างๆ เช่น เนื้อวัว ถั่วเหลือง และแอปเปิลอเมริกันมากกว่าสองล้านกล่องต่อปี ตามแถลงการณ์ของกระทรวงพาณิชย์เวียดนามเมื่อเดือนที่แล้ว

“พวกเขาอาจต้องการให้เวียดนามซื้ออาวุธจากสหรัฐด้วย" เล หง ฮิป จากสถาบัน ISEAS-Yusof Ishak กล่าว “ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของสหรัฐในการสกัดกั้นอิทธิพลของจีน แม้ว่าเวียดนามจะยังต้องการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับจีนอยู่ก็ตาม”

อ้างอิง: bloomberg