สหรัฐกลับมาช่วยเหลือหลังยูเครนพร้อมรับข้อเสนอหยุดยิง

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานหลังจากสหรัฐกับยูเครนเจรจากันยาวนานกว่าแปดชั่วโมงที่นครเจดดาห์ ซาอุดีอาระเบีย ในวันอังคาร (11 มี.ค.) นายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่งประเทศสหรัฐ แถลงว่า ตอนนี้สหรัฐจะนำข้อเสนอไปแจ้งกับรัสเซีย

“เราหวังว่าทางรัสเซียจะตอบ ‘ตกลง’ เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้เราสามารถไปต่อเฟสสองได้ ซึ่งจะเป็นการเจรจาของจริง” นายรูบิโอกล่าวและว่ารัฐบาลวอชิงตันต้องการทำข้อตกลงเต็มรูปแบบกับทั้งรัสเซียและยูเครน “เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้”

“แต่ละวันที่ผ่านไป สงครามนี้ดำเนินต่อไป ประชาชนเสียชีวิตประชาชนถูกวางระเบิด ประชาชนบาดเจ็บกันทั้งสองฝ่ายของความขัดแย้งนี้” รมว.ต่างประเทศสหรัฐกล่าวต่อ

ทั้งนี้ รัสเซียรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบเมื่อสามปีก่อนและกำลังรุกคืบ ขณะนี้ครอบครองดินแดนยูเครนได้ราวหนึ่งในห้า รวมทั้งไครเมียที่ผนวกเอาไว้ตั้งแต่ปี 2014

สำหรับท่าทีของมอสโกต่อข้อเสนอหยุดยิงยังไม่แน่นอน ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เคยกล่าวว่า เขาเปิดรับการหารือข้อตกลงสันติภาพ แต่เขาและนักการทูตรัสเซียต่างแสดงออกซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าพวกเขาไม่เอาด้วยกับการหยุดยิง และต้องการข้อตกลงที่ปกป้อง “ความมั่นคงระยะยาว” ของรัสเซีย

ปูตินตัดประเด็นยอมยกดินแดนคืน และว่ายูเครนต้องถอนทหารทั้งหมดออกไปจากสี่ภูมิภาคยูเครนที่ถูกรัสเซียยึดครองและควบคุมไว้บางส่วน

ในวันอังคาร กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย กล่าวเพียงว่า พวกเขาไม่ตัดการติดต่อกับตัวแทนสหรัฐ

ด้านประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน ที่อยู่ในซาอุดีอาระเบียแต่ไม่ได้ร่วมเจรจา กล่าวว่า การหยุดยิงเป็น “ข้อเสนอสร้างสรรค์” ครอบคลุมแนวหน้าในความขัดแย้ง ไม่ใช่แค่การสู้รบทางอากาศและทางทะเล

ผู้นำยูเครนกล่าวว่า การหยุดยิงจะมีผลทันทีที่รัสเซียเห็นชอบ

“เมื่อข้อตกลงมีผล ระหว่าง ‘ความเงียบ’ 30 วันนี้ เราจะมีเวลาเตรียมตัวกับพันธมิตรทำงานเอกสารในทุกมิติ เพื่อสันติภาพที่เชื่อถือได้และความมั่นคงในระยะยาว” เซเลนสกีระบุ

นายรูบิโอกล่าวเสริมว่า แผนการจะถูกส่งไปให้รัสเซียในหลายๆ ช่องทาง นายไมค์ วอลต์ซ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของทรัมป์มีกำหนดพบคู่เจรจารัสเซียในเร็วๆ นี้ และนายสตีฟ วิตคอฟ ทูตพิเศษของทรัมป์ มีแผนไปเยือนกรุงมอสโกในสัปดาห์นี้เพื่อพบกับปูติน

ด้านทรัมป์ กล่าวในวันเดียวกัน หวังให้มีการหยุดยิงโดยเร็วและคิดว่าเขาจะพูดคุยกับปูตินในสัปดาห์นี้

“ผมหวังว่ามันจะจบภายในไม่กี่วันข้างหน้า” ทรัมป์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาว ในงานโปรโมทบริษัทเทสลาของอีลอน มัสก์ ที่ปรึกษาใกล้ชิด

รอยเตอร์สรายงานว่า ข้อตกลงสหรัฐ-ยูเครนถือเป็นการพลิกท่าทีอย่างรุนแรง จากการประชุมเดือด ณ ทำเนียบขาวในวันที่ 28 ก.พ. ระหว่างประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐผู้เคลือบแคลงต่อการช่วยเหลือยูเครนมาโดยตลอด กับเซเลนสกี

แถลงการณ์ร่วมเมื่อวันอังคาร กล่าวว่า สองประเทศเห็นชอบสรุปข้อตกลงครอบคลุมโดยเร็วที่สุด เพื่อการพัฒนาทรัพยากรแร่ธาตุสำคัญของยูเครน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือและติดหล่มจากการประชุมระหว่างทรัมป์กับเซเลนสกีในวันนั้น

หลังปะทะคารมกัน สหรัฐก็ตัดการแบ่งปันข่าวสารและการส่งอาวุธให้ยูเครน ตอกย้ำว่าทรัมป์ต้องการกดดันพันธมิตร ขณะเดียวกันก็หันไปประนีประนอมกับมอสโกมากขึ้น

ในวันอังคาร ทรัมป์กล่าวด้วยว่า จะเชิญเซเลนสกีกลับมาทำเนียบขาว

ด้านทางการยูเครนเผยเมื่อกลางดึกว่า สหรัฐกลับมาให้ความช่วยเหลือทางทหารและแบ่งปันข่าวกรองแล้ว

ในประเด็นนี้นายวอลต์ซขยายความว่า ความช่วยเหลือทางทหารที่กลับคืนมาในช่วงแรกจะเป็นการให้อาวุธยุทโธปกรณ์ในคลังแสงที่อดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน อนุมัติไปแล้ว แต่ทรัมป์ระงับไว้

บทบาทพันธมิตรยุโรป

คนใกล้ชิดเซเลนสกีกล่าวว่า ยูเครนได้หารือกับสหรัฐถึงทางเลือกสำหรับการค้ำประกันความมั่นคงของยูเครน เรื่องนี้เป็นวัตถุประสงค์สำคัญอันหนึ่งของรัฐบาลเคียฟ และยุโรปบางประเทศแสดงความต้องการหาหนทางส่งทหารเข้าไปรักษาสันติภาพ

ในแถลงการณ์ร่วม ยูเครนย้ำว่าพันธมิตรยุโรปควรเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการสันติภาพ โดยนายมาร์ก รุตเต เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) จะไปทำเนียบขาวในวันพฤหัสบดี (13 มี.ค.)

“ดูเหมือนว่าอเมริกาและยูเครนบรรลุก้าวย่างสำคัญแห่งสันติภาพ และยุโรปพร้อมช่วยเหลือให้บรรลุสันติภาพอันเป็นธรรมและถาวร” นายโดนัลด์ ทัสก์ นายกรัฐมนตรีโปแลนด์โพสต์แพลตฟอร์ม X

ขณะที่การทูตดำเนินการอย่างหนัก สถานะของยูเครนในสมรภูมิก็ถูกกดดันอย่างมาก โดยเฉพาะในภูมิภาคเคิร์สกของรัสเซีย กองทัพมอสโกพยายามผลักดันทหารยูเครนออกไป ทหารยูเครนยึดครองพื้นที่เพียงเล็กน้อยและไม่ยอมปล่อยมือเพื่อใช้เป็นหมากต่อรอง

ตลอดคืนที่ผ่านมา ยูเครนใช้โดรนถล่มกรุงมอสโกและภูมิภาคโดยรอบครั้งใหญ่สุด แสดงให้เห็นว่าเคียฟยังสามารถโจมตีหนักได้ หลังจากรัสเซียระดมยิงขีปนาวุธและโดรนเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง ประชาชนยูเครน 14 คนต้องสังเวยชีวิตเมื่อวันเสาร์ (8 มี.ค.)

การโจมตีล่าสุดของยูเครน ใช้โดรน 337 ลำถล่มรัสเซีย คร่าชีวิตพนักงานโรงงานเนื้ออย่างน้อย 3 คน สนามบินสี่แห่งในกรุงมอสโกต้องปิดตัวลงครู่หนึ่ง