'เกาหลีใต้' ยกหูถกการค้าสหรัฐ 'อินเดีย' จ่อลดภาษีรับมือทรัมป์

จับตาเศรษฐกิจใหญ่ในเอเชียเร่งเครื่องแก้ปัญหาภาษีศุลกากรกับสหรัฐ 'เกาหลีใต้' ยกหูโทรคุยกับสหรัฐขณะที่ 'อินเดีย' จ่อหั่นภาษีนำเข้าอีก ลดความตึงเครียดภาษีตอบโต้
กระทรวงการคลังเกาหลีใต้เปิดเผยในวันนี้ว่า "ชเว ซังม็อก" รักษาการประธานาธิบดีและรัฐมนตรีคลังของเกาหลีใต้ ได้หารือผ่านวิดีโอคอลกับ "สก็อต เบสเซนต์" รัฐมนตรีคลังสหรัฐ เกี่ยวกับประเด็นเรื่องการเรียกเก็บภาษีนำเข้า การลงทุน และนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน
ทางเกาหลีใต้ร้องขอให้สหรัฐ "ใส่ใจต่อการสนับสนุนของเกาหลีใต้ที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ในการกำหนดนโยบายของวอชิงตัน" ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นในกรุงโซลเกี่ยวกับการผลักดันการจัดเก็บภาษีนำเข้าครั้งใหม่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
แม้ว่าจนถึงปัจจุบัน ทรัมป์จะประกาศประเทศเป้าหมายการเก็บภาษีนำเข้าไปแล้วเพียง 3 ประเทศ คือ แคนาดา เม็กซิโก และจีน (เฉพาะประเทศที่กำหนดวันและอัตราภาษีแล้วแน่นอน) แต่สหรัฐก็กำลังพิจารณาการเก็บภาษีตอบโต้ หรือ Reciprocal tariff ที่จะเก็บกับทุกประเทศซึ่งมีการตั้งภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ ซึ่งทรัมป์ระบุว่าจะเริ่มได้ในวันที่ 2 เม.ย. นี้ และทรัมป์เองยังมีการเรียกเก็บภาษีเป็นรายสินค้า เช่น เหล็กและอะลูมิเนียม ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อทุกประเทศด้วย
ทั้งนี้ เกาหลีใต้เป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ของโลกและเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐ โดยอยู่ในกลุ่มท็อป 10 ประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐมากที่สุดในปี 2567 และเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คณะผู้แทนของเกาหลีใต้ได้เดินทางไปเจรจาในกรุงวอชิงตัน โดยร้องขอให้ยกเว้นสินค้ากลุ่มเหล็กและอลูมิเนียมกับเกาหลีใต้ ในภาษีตอบโต้ของสหรัฐ
'อินเดีย' จ่อหั่นภาษีนำเข้ารถยนต์-สารเคมี
ด้านสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานอ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่า ทางการอินเดียกำลังพิจารณาการลดภาษีนำเข้าสินค้าหลายประเภท ซึ่งรวมถึง "รถยนต์" และ "สารเคมี" เพื่อเลี่ยงการเรียกเก็บภาษีตอบโต้จากสหรัฐ แม้ว่าก่อนหน้านี้ไม่นาน อินเดียจะเพิ่งประกาศลดภาษีนำเข้าสินค้าหลายรายการครั้งใหญ่ไปแล้วก็ตาม
แหล่งข่าวระบุว่า สินค้าที่รัฐบาลนิวเดลีกำลังหารือเกี่ยวกับการลดภาษีนำเข้าครั้งนี้จะครอบคลุมหลายปะเภท ได้แก่ รถยนต์ ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรบางประเภท สารเคมี ยารักษาโรคที่สำคัญ รวมถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์และเครื่องใช้ไฟฟ้าบางประเภท
ข้อเสนอครั้งนี้จะ "ล้ำไปไกล" กว่าการลดภาษีนำเข้าครั้งก่อนๆ ที่รัฐบาลของนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี เปิดเผยเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เช่น รถจักรยานยนต์ตลาดไฮเอนด์และวิสกี้เบอร์เบิน ซึ่งเป็นสินค้าที่สหรัฐส่งออกไปยังอินเดีย "แต่ถึงแม้จะมีความสำคัญทางการเมืองสำหรับทรัมป์ แต่ก็ไม่ได้จำหน่ายในปริมาณมากในประเทศนี้"
อย่างไรก็ดี กระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมของอินเดียไม่ได้ตอบคำถามหรือแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้
ทั้งนี้ อินเดียคาดหวังว่าความพยายามดังกล่าวจะช่วยให้สามารถบรรลุความตกลงทางการค้ากับสหรัฐได้ภายในฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ทั้งสองประเทศได้ตั้งไว้ในการประชุมสุดยอดระหว่างโมดีและทรัมป์เมื่อต้นเดือนก.พ. ที่กรุงวอชิงตัน แม้ว่าอินเดียจะไม่คาดหวังเรื่องการบรรลุผลได้ทันภายในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นช่วงที่ทรัมป์อาจเริ่มประกาศเรียกเก็บภาษีตอบโต้ แต่ก็มีความหวังว่าความคืบหน้าในการเจรจาอาจช่วยปกป้องอินเดียจากภาษีดังกล่าวได้







