อินโดนีเซียตั้ง ‘ดานันตารา’ กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ หวังดัน GDP โต 8%

อินโดนีเซียเปิดตัว ‘ดานันทารา’ กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ ตั้งเป้าลงทุน 2 หมื่นล้านดอลล์ ประธานาธิบดี ‘ซูเบียนโต’ หวังดึงเงินลงทุนจากต่างชาติ ดัน GDP โต 8% ที่มาพร้อมความเสี่ยง ‘การคลัง’ สู่เรื่องอื้อฉาวทุจริตครั้งใหญ่
สำนักข่าวนิกเกอิเอเชียรายงาน “อินโดนีเซีย” เปิดตัวกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ (SWF) กองใหม่ในชื่อว่า “ดายา อนากาตา นูซันตารา อินโดนีเซีย” (Daya Anagata Nusantara Indonesia) หรือ “ดานันตารา อินโดนีเซีย” (Danantara Indonesia) ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ระดับ 8% ตามที่ประธานาธิบดี “ปราโบโว ซูเบียนโต” แห่งอินโดนีเซียหวังไว้
หวัง ‘ดานันตารา’ ดึงการลงทุนต่างประเทศ
ซูเบียนโตเผยว่ากองทุนนี้ไม่ใช่กองทุนเพื่อการลงทุนเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือสำหรับการพัฒนาประเทศ โดยหวังว่ากองทุนนี้จะช่วยให้เขาบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ 8% ต่อปี โดยเขาตั้งเป้าที่จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าวภายในสิ้นสุดวาระ 5 ปี ในปี 2572
นอกจากนี้ รัฐบาลได้เน้นย้ำว่า ดานันตารา จะมีบทบาทสำคัญในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนโครงการพัฒนาที่สำคัญของประเทศ
ในระยะเริ่มต้น กองทุนนี้จะลงทุนในโครงการประมาณ 20 โครงการ มูลค่ารวม 2 หมื่นล้านดอลลาร์หรือราว 6.7 แสนล้านบาท เพื่อสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมในประเทศ การลงทุนเหล่านี้จะครอบคลุมภาคส่วนต่างๆ เช่น การแปรรูปแร่ธาตุที่สำคัญ ศูนย์ข้อมูล ปัญญาประดิษฐ์ การกลั่นน้ำมัน พลังงานหมุนเวียน และการผลิตอาหาร
ดานันตาราจะจัดการสินทรัพย์ของรัฐวิสาหกิจที่ใหญ่ที่สุด 7 แห่งของอินโดนีเซีย ซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 9 แสนล้านดอลลาร์ ได้แก่ บริษัทพลังงาน Pertamina, บริษัทสาธารณูปโภค Perusahaan Listrik Negara, บริษัทโทรคมนาคม Telkom Indonesia, บริษัทโฮลดิ้งด้านเหมืองแร่ Mind ID และสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุด 3 แห่งของประเทศ ได้แก่ Bank Rakyat Indonesia, Bank Mandiri และ Bank Negara Indonesia
ความเสี่ยง ‘การคลัง’
ดานันตาราถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเสี่ยงหลายประการที่อาจเกิดขึ้น ประการแรกคือความเสี่ยงทางการเมือง เนื่องจากดานันตาราเป็นกองทุนของรัฐบาล การตัดสินใจลงทุนจึงอาจได้รับอิทธิพลจากปัจจัยทางการเมืองมากกว่าปัจจัยทางเศรษฐกิจ
อีกประการหนึ่งคือความเสี่ยงด้านการคลัง เนื่องจากการที่รัฐบาลมีแผนที่จะลดงบประมาณของกระทรวงและหน่วยงานต่างๆ ราว 300 ล้านล้านรูเปียห์ หรือราว 6.1 แสนล้านบาท เพื่อนำเงินมาสนับสนุนดานันตารา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ ได้
เรื่องนี้ก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์จากสาธารณชนและการประท้วงจากนักศึกษาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นักศึกษาเหล่านี้กังวลว่าการลดงบประมาณอาจส่งผลให้ต้นทุนการศึกษาสูงขึ้น และการบริโภคภาคเอกชนลดลง นอกจากนี้ ยังมีข้อเรียกร้องให้คว่ำบาตรสถาบันการเงินของรัฐ ซึ่งทรัพย์สินจะอยู่ภายใต้การดูแลของ Danantara อีกด้วย
นอกจากนี้ ผู้สังเกตการณ์ในท้องถิ่นบางรายได้เตือนว่า หากไม่มีการจัดการอย่างเหมาะสม โครงการ Danantara อาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาต่าง ๆ เช่นเดียวกับเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการทุจริตครั้งใหญ่ที่เคยเกิดขึ้นกับกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของมาเลเซียอย่าง "1MDB" ซึ่งความกังวลในลักษณะเดียวกันนี้เคยถูกหยิบยกขึ้นมาในช่วงเริ่มต้นของโครงการ INA







