GDP ‘สิงคโปร์’ ปี 67 โต 4.4% รับแรงหนุนส่งออกพุ่ง-ท่องเที่ยวฟื้นตัวเกินคาด
GDP ‘สิงคโปร์’ ปี 67 โต 4.4%
รับแรงหนุน ‘การส่งออก’ พุ่งก่อนทรัมป์ขึ้นภาษี ท่องเที่ยวฟื้นตัวจากคอนเสิร์ต Taylor Swift เติบโตเกินคาด
สำนักข่าวนิกเกอิเอเชียรายงานเศรษฐกิจ “สิงคโปร์” แสดงสัญญาณการเติบโตที่แข็งแกร่งในปี 2567 โดยมีอัตราการขยายตัวที่ 4.4% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งสูงกว่าการประมาณการเบื้องต้นที่ 4% ตามรายงานล่าสุดของกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 14 ก.พ.
การเติบโตนี้ได้รับแรงหนุนหลักจากภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวดีเกินคาด โดยตัวเลขการเติบโตในปี 2567 นี้ถือว่าปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับอัตราการเติบโตที่ 1.8% ในปี 2566
กระทรวงฯ ระบุในแถลงการณ์ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในปีนี้ขับเคลื่อนโดยภาคส่วนต่างๆ เช่น การค้าส่ง การเงินและการประกันภัย และภาคการผลิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องจักร อุปกรณ์ และวัสดุสิ้นเปลือง ซึ่งมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งเนื่องจากอุปสงค์ทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น”
ส่งออกโต
ภาคการผลิตที่เน้นการส่งออกมีการเติบโต 4.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน ในขณะที่ภาคบริการที่มุ่งเน้นตลาดภายในประเทศมีการเติบโต 4.4%
ตัวเลขการเติบโตที่แข็งแกร่งนี้เกิดขึ้นจากการส่งออกของสิงคโปร์ในเดือนธ.ค.มีการขยายตัวเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการส่งออกล่วงหน้าเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการกลับมาของภาษีการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ การส่งออกสินค้าที่ไม่ใช่น้ำมันเพิ่มขึ้น 9% จากปีก่อนหน้าและเพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 3.4% รวมถึงการส่งออกในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จากความต้องการชิป โดยมีการส่งออกไปยังสหรัฐ ไต้หวัน และมาเลเซียเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ท่องเที่ยวฟื้น
ภาคบริการที่มุ่งเน้นตลาดภายในประเทศของสิงคโปร์ก็มีการฟื้นตัวเช่นกันในปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความต้องการด้านการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นจากกิจกรรมขนาดใหญ่ เช่น คอนเสิร์ตของ Taylor Swift และ Coldplay
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คณะกรรมการการท่องเที่ยวสิงคโปร์เปิดเผยว่า รายได้จากการท่องเที่ยวของประเทศในปี 2567 คาดว่าจะสูงถึงขีดจำกัดบนที่คาดการณ์ไว้ที่ 2 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นสถิติการใช้จ่ายใหม่ ในขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น 21% จากปีก่อนหน้าเป็น 16.5 ล้านคน
นอกจากนี้ กระทรวงการค้าคงคาดการณ์การเติบโตปี 2568 ไว้ที่ 1% ถึง 3%
เนื่องจากคาดว่าโมเมนตัมการเติบโตของสิงคโปร์จะชะลอตัวลงตลอดทั้งปี โดยอัตราเงินเฟ้อจะชะลอลงเหลือต่ำกว่า 2% โดยธนาคารกลางของสิงคโปร์จึงได้ผ่อนปรนการดำเนินนโยบายการเงินในเดือนมกราคมซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี
อ้างอิง Nikkei
