'อิชิบะ' มองบวก ญี่ปุ่นไม่มีทางโดน 'ภาษีทรัมป์' ย้ำ เป็นชาติลงทุนมากสุดในสหรัฐ

ในการประชุมสุดยอดครั้งแรกที่ทำเนียบขาวเมื่อวันศุกร์ (7 ก.พ.) ชิเงรุ อิชิบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้กล่าวกับสำนักข่าว NHK ว่า เขาได้อธิบายต่อ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ว่า ผู้ผลิตยานยนต์สัญชาติญี่ปุ่นได้สร้างงานในสหรัฐมากเพียงใด

อิชิบะบอกว่า ทั้งสองฝ่ายไม่ได้หารือเฉพาะเจาะจงในเรื่องภาษียานยนต์ แต่เขาก็ไม่ทราบว่าญี่ปุ่นจะถูกเรียกเก็บภาษีที่ทรัมป์มีแผนจะเรียกเก็บสินค้านำเข้าหรือไม่

แต่อิชิบะเชื่อว่า “ทรัมป์ทราบดีถึงข้อมูลที่ญี่ปุ่นเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐ 5 ปีติดต่อกันแล้ว ญี่ปุ่นจึงมีความแตกต่างจากประเทศอื่นๆ”

“ญี่ปุ่นได้สร้างงานจำนวนมากในสหรัฐ ผมเชื่อว่า (รัฐบาลวอชิงตัน) จะไม่มุ่งเป้าไปที่การเก็บภาษีที่สูงขึ้น” อิชิบะ กล่าว

 

การให้สัมภาษณ์ดังกล่าว แสดงให้เห็นว่า นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นมองในแง่ดีว่า ญี่ปุ่นและสหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงสงครามภาษีแบบตาต่อตาฟันต่อฟันได้ และย้ำว่าภาษีศุลกากรควรถูกนำมาใช้ในลักษณะที่ “เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย”

จนถึงขณะนี้ รัฐบาลโตเกียวยังคงรอดพ้นจากสงครามการค้าที่ทรัมป์ก่อขึ้นในช่วงสัปดาห์แรกๆ ของการดำรงตำแหน่ง โดยทรัมป์ได้ประกาศขึ้นภาษีสินค้าจากแคนาดา เม็กซิโก และจีนไปแล้ว แม้ว่าเขาจะเลื่อนการขึ้นภาษี 25% กับเพื่อนบ้านในอเมริกาเหนือออกไปเพื่อเปิดทางให้มีการเจรจาก็ตาม

ตามข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐล่าสุด ระบุว่า ญี่ปุ่นมีสัดส่วนลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในสหรัฐมากที่สุดในปี 2566 ที่ระดับ 7.833 แสนล้านดอลลาร์ รองลงมาเป็นแคนาดาและเยอรมนี

รอยเตอร์ระบุว่า ทรัมป์ได้กดดันให้อิชิบะลดการค้าที่ญี่ปุ่นดุลสหรัฐ มูลค่า 6.85 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อปี แต่ยังมองในเชิงบวกว่าประเด็นนี้อาจทำสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว โดยอิชิบะได้ให้คำมั่นว่าจะดึงดูดการลงทุนจากญี่ปุ่นมายังสหรัฐสู่ระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์ และในวันนี้ (9 ก.พ.) อิชิบะเผยว่าก๊าซธรรมชาติเหลว เหล็ก ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) และยานยนต์ เป็นโอกาสที่บริษัทญี่ปุ่นสามารถเข้าไปลงทุนได้

นอกจากนี้ นายกฯญี่ปุ่น ยังได้พูดถึงคำมั่นสัญญาของทรัมป์ที่จะพิจารณาการลงทุนในบริษัท U.S. Steel ของบริษัท Nippon Steel

แทนการเข้าซื้อบริษัทเหล็กสัญชาติอเมริกัน ซึ่งเป็นแผนการซื้อที่ทรัมป์คัดค้านและอดีตปธน.โจ ไบเดน ได้ขัดขวางไว้

อิชิบะกล่าวว่า “การลงทุนนี้เกิดขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่าบริษัทจะยังคงเป็นบริษัทสัญชาติอเมริกันต่อไป และจะยังคงดำเนินงานภายใต้การบริหารจัดการของอเมริกัน โดยมีพนักงานชาวอเมริกัน แต่ประเด็นสำคัญคือจะทำอย่างไรจึงจะมั่นใจได้ว่าบริษัทจะยังคงเป็นบริษัทอเมริกันต่อไป จากมุมมองของประธานาธิบดีทรัมป์ เรื่องนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง”

ในด้านการใช้จ่ายกลาโหม ซึ่งเป็นอีกประเด็นที่ทรัมป์กดดันพันธมิตรให้เพิ่มงบประมาณ นากยฯ อิชิบะ บอกว่า ญี่ปุ่นจะไม่เพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมโดยไม่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชน

“สิ่งสำคัญคือต้องแน่ใจว่า สิ่งที่ถือว่าจำเป็นนั้น เป็นสิ่งที่ผู้เสียภาษีสามารถเข้าใจและสนับสนุนได้” นายกฯ ย้ำ

 

อ้างอิง: Reuters