เตือนภาษีทรัมป์จะทำให้เงินเฟ้อพุ่งในสหรัฐ

นักเศรษฐศาสตร์ออกมาเตือนภาษีทรัมป์จะกระทบเศรษฐกิจแคนาดา เม็กซิโกหนัก ทั้งสองประเทศจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปลายปีนี้ ด้านเศรษฐกิจสหรัฐจะเผชิญกับเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น เชื่อยุโรปจะเป็นรายต่อไป และทรัมป์จะขึ้นภาษีศุลกากรกับทุกประเทศในเดือนเมษายน
ซีเอ็นบีซีว่า เมื่อวันเสาร์ (2 ก.พ.) ที่ผ่านมา ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามในคำสั่งจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดา 25% และจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มเติม 10% ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันอังคาร (4 ก.พ.)
ในคำสั่งฝ่ายบริหาร ทรัมป์กล่าวว่าหากประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุด 3 อันดับแรกของสหรัฐ ตอบโต้ อาจต้องเผชิญกับการ “ขึ้นภาษีเพิ่มหรือขยายขอบเขต” ของภาษีที่บังคับใช้ไปแล้ว
ทรัมป์ โพสต์ลงบน X ว่า ภาษีดังกล่าวถูกบังคับใช้ “เนื่องจากภัยคุกคามหลักจากคนต่างด้าวที่เข้าเมืองผิดกฎหมายและยาเสพติดที่คร่าชีวิตพลเมืองของเรา รวมถึงสารเฟนทานิล”
การค้าระหว่างสหรัฐ กับแคนาดา เม็กซิโก และจีนมีมูลค่าประมาณ 1.6 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี คาดว่าภาษีดังกล่าวจะถูกใช้เป็นทั้งเครื่องมือต่อรองและวิธีในการเปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับปัญหาการย้ายถิ่นฐานและการค้ายาเสพติด โดยรัฐบาลทรัมป์
เพื่อเป็นการตอบโต้ นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ของแคนาดาได้ประกาศจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐมูลค่า 155,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในอัตรา 25% เช่นกัน
เม็กซิโกยังประกาศตอบโต้ด้วย แม้ว่าประธานาธิบดีคลอเดีย เชนบาวม์จะไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดใดๆ ก็ตาม ในขณะเดียวกัน จีนประกาศจะยื่นฟ้องต่อองค์การการค้าโลก (World Trade Organization)
ด้านยุโรปประกาศความพร้อมตอบโต้ หากทรัมป์จัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้า ความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหภาพยุโรปกับสหรัฐนั้นมีอยู่แล้ว
สงครามการค้าโลก
พอล แอชเวิร์ธ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำอเมริกาเหนือของ บริษัทวิจัย Capital Economics กล่าวในวันอาทิตย์ ว่าการที่ทรัมป์ขึ้นภาษีสินค้าแคนาดา เม็กซิโก และจีนนั้น “เป็นเพียงการโจมตีครั้งแรกในสงครามการค้าโลกที่อาจสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงได้”
เขาระบุในบทวิเคราะห์ว่า ทรัมป์อาจจะประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหภาพยุโรปในอีกสองสามเดือนข้างหน้า และคาดว่า ทรัมป์จะประกาศขึ้นภาษีสินค้าเป็นการทั่วไปกับทุกประเทศในเดือนเมษายน ซึ่งทรัมป์ประกาศไว้เป็นอย่างดีในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง
แอชเวิร์ธ เตือนว่า ภาษีการค้าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของทุกประเทศที่เกี่ยวข้อง อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะแคนาดาและเม็กซิโก
“เนื่องจากการส่งออกไปยังสหรัฐ คิดเป็นประมาณ 20% ของ GDP ภาษีในปัจจุบันอาจส่งผลให้เศรษฐกิจของทั้งแคนาดาและเม็กซิโกเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วงปลายปีนี้” เขาระบุ
“ผลที่ตามมาคืออัตราเงินเฟ้อของสหรัฐที่พุ่งสูงขึ้นจากภาษีศุลกากรและมาตรการอื่นๆในอนาคต ซึ่งจะเกิดเร็วขึ้นและสูงกว่าที่เราคาดไว้ในตอนแรก”