สหรัฐหนุนญี่ปุ่นร่วมผลิตขีปนาวุธ‘แพตทริออต’กว่า 100 ลูก

สหรัฐหนุนญี่ปุ่นร่วมผลิตขีปนาวุธ‘แพตทริออต’กว่า 100 ลูก

แม้สหรัฐได้ชื่อว่าเป็นเจ้าแห่งการผลิตอาวุธ แต่การผลิตไม่พอก็อาจเกิดขึ้นได้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงฝ่ายจัดซื้อของกระทรวงกลาโหมสหรัฐเผยว่า กองทัพสหรัฐต้องการให้ญี่ปุ่นผลิตขีปนาวุธแพตทริออตกว่า 100 ลูก หลังสองประเทศขยายความร่วมมือในด้านนี้

เว็บไซต์นิกเคอิเอเชียรายงานว่า หลังจากการประชุม “สองบวกสอง” อันหมายถึงการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของสหรัฐและญี่ปุ่นในกรุงโตเกียวเมื่อสองสัปดาห์ก่อน ทั้งสองประเทศเห็นชอบขยายการผลิตขีปนาวุธ PAC-3 Missile Segment Enhancement ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในตระกูลแพตทริออต และร่วมกันผลิตขีปนาวุธพิสัยกลางยิงจากอากาศสู่อากาศรุ่นทันสมัย(AMRAAM)

แต่ก่อนจะมีการผลิตดังกล่าวเกิดขึ้น รัฐบาลโตเกียวได้เห็นชอบข้อตกลงขายขีปนาวุธ PAC-3 ผลิตโดยญี่ปุ่นที่ค้างอยู่ของกองกำลังป้องกันตนเองให้กับสหรัฐในราคา 20 ล้านดอลลาร์แหล่งข่าวในแวดวงอาวุธรายหนึ่งเผยกับนิกเคอิว่า ญี่ปุ่นจะขายให้ 10 ลูก

วิลเลียม ลาพลังต์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกลาโหมฝ่ายจัดซื้อกล่าวกับผู้สื่อข่าวนอกรอบงานนิทรรศการเทคโนโลยีกลาโหมเกิดใหม่ในกรุงวอชิงตันเมื่อวันพุธ (7 ส.ค.)ว่า ขนาดการร่วมผลิตแพตทริออตจะมากกว่า 10 ลูกมาก

“ผมยังบอกไม่ได้ถึงจำนวนที่ชัดเจน แต่ตัวเลขที่เราจะทำกันได้มากกว่านั้นมาก มากกว่ามาก” ลาพลังต์ย้ำเมื่อถูกถามว่าขนาดการผลิตจะอยู่ที่ 10 ลูก เท่าที่กับขายให้สหรัฐไปหรือไม่

“ผมบอกได้เลยว่า ตัวเลขที่เราตกลงกันมากกว่านั้น 10 เท่า” ลาพลังต์กล่าวต่อโดยไม่ได้ระบุช่วงเวลาที่แน่ชัด

นิกเคอิสอบถามเรื่องกรอบเวลาไปยังเจ้าหน้าที่กลาโหมสหรัฐรายหนึ่ง เมื่อวันพฤหัสบดี (8 ส.ค.) ได้คำตอบว่า

“ทีมของเรากำลังสำรวจทางเลือกที่เป็นไปได้นานัปการสำหรับการขยายความร่วมมือผลิต PAC-3 ในญี่ปุ่น รวมถึงรุ่นที่มีคุณสมบัติเฉพาะ”

เจ้าหน้าที่สถานทูตญี่ปุ่นรายหนึ่งเผยว่า ทั้งสองฝ่ายจะหารือเรื่องความเป็นไปได้ของการผลิตขนาดใหญ่เช่นนั้นภายในไม่กี่เดือนข้างหน้านี้

“การร่วมผลิตจะช่วยลดต้นทุนต่อหน่วยลงมาได้ ถ้าต้นทุนสูงขึ้นก็ไม่มีความหมาย” เจ้าหน้าที่คนเดิมกล่าว

ทั้งนี้ บริษัทมิตซูบิชิเฮฟวีอินดัสตรีส์ของญี่ปุ่น เป็นคู่สัญญาเบื้องต้นที่ได้รับใบอนุญาตให้ผลิตขีปนาวุธแพตทริออตในญี่ปุ่นปีละราว 30 ลูกให้กับกองกำลังป้องกันตนเองทางอากาศ

ในทัศนะของลาพลังต์ความท้าทายอยู่ที่การสร้าง “ธุรกิจ” ที่ทุกฝ่ายสามารถตกลงกันได้เรื่องขนาดการผลิต และความร่วมมือนั้นได้สร้างความสมเหตุสมผลทางเศรษฐกิจ

“PAC-3 เป็นตัวอย่างของสิ่งที่น่าจะมีประสิทธิผลที่สุด เป็นระบบขีปนาวุธระดับไฮเอ็นด์ของโลก” ลาพลังต์กล่าวและว่า PAC-3 ใช้รับมือกับอาวุธไฮเปอร์โซนิกของรัสเซียได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งรัสเซียใช้อาวุธแบบนี้โจมตีกรุงเคียฟของยูเครน สหรัฐพยายามมองหาทรัพยากรจากฐานการผลิตอุตสาหกรรมในประเทศพันธมิตรและหุ้นส่วน ยิ่งผลิตได้ในหลายๆ ที่ ประสิทธิภาพของ PAC-3 และ AMRAAM ก็จะยิ่งดีขึ้น ซึ่งการร่วมผลิตจะส่งผลด้านการป้องปราม โดยศัตรูจะจับตาว่าอาวุธจะถูกผลิตขึ้นที่ใด

“การมองสถานที่ผลิต AMRAAM เพียงแห่งเดียวเทียบกับห้าแห่ง มุมมองของคุณต่อ AMRAAM ย่อมเปลี่ยนแปลงไป” ลาพลังต์สรุป