ราคาน้ำมันโลก WTI ปรับตัวลง 92 เซนต์ หลังดีดตัวเหนือ 79 ดอลล์ในช่วงแรก

ราคาน้ำมันโลก WTI ปรับตัวลง  92 เซนต์ หลังดีดตัวเหนือ 79 ดอลล์ในช่วงแรก

ราคาน้ำมันโลก ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดวันศุกร์(8มี.ค.)ปรับตัวลง 92 เซนต์ หลังดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 79 ดอลลาร์ในช่วงแรก

ราคาน้ำมันดิบ เวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 92 เซนต์ ปิดที่ 78.01 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน เบรนท์ทะเลเหนือ ลอนดอน งวดส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 88 เซนต์ ปิดที่ 82.08 ดอลลาร์/บาร์เรล

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันโลก WTI ปรับตัวขึ้นในช่วงแรก ขานรับถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

นอกจากนี้ ราคาน้ำมัน ยังได้ปัจจัยหนุนจากการที่สหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นลดลงมากกว่าคาด ซึ่งบ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในตลาด

ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันดีดตัวขานรับรายงานที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติขยายการปรับลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจไปจนถึงไตรมาส 2/2567 เพื่อพยุงราคาน้ำมันในตลาด

ทั้งนี้ โอเปกพลัส มีมติปรับลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจจำนวน 2.2 ล้านบาร์เรล/วันไปจนถึงไตรมาส 2/2567 โดยซาอุดีอาระเบียจะปรับลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจจำนวน 1 ล้านบาร์เรล/วัน ขณะที่รัสเซียจะปรับลดการผลิตและการส่งออกน้ำมันรวม 471,000 บาร์เรล/วัน

ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 275,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 198,000 ตำแหน่ง

อัตราการว่างงาน ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.9% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.7%

นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐได้ปรับตัวเลขการจ้างงานในเดือนม.ค. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 229,000 ตำแหน่ง จากเดิมรายงานว่าเพิ่มขึ้น 353,000 ตำแหน่ง

ขณะเดียวกัน ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 4.3% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.4%

เมื่อเทียบรายเดือน ค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 0.1% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.2%

ทั้งนี้ ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงนับเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ

ส่วนตัวเลขอัตราการเข้าสู่ตลาดแรงงานสหรัฐ ซึ่งแสดงสัดส่วนของกำลังแรงงานต่อจำนวนประชากรทั้งหมด อยู่ที่ระดับ 62.5%