5 คู่ขัดแย้งรายใหญ่ เพียงหนึ่งสัปดาห์ แลกขีปนาวุธทั่วตะวันออกกลาง

5 คู่ขัดแย้งรายใหญ่ เพียงหนึ่งสัปดาห์ แลกขีปนาวุธทั่วตะวันออกกลาง

สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เห็นความรุนแรงรอบใหม่เกิดขึ้นทั่วตะวันออกกลาง ปลุกความกลัวว่า ความขัดแย้งจะขยายไปทั่วภูมิภาค และตอนนี้ยังมีความมั่นคงเหลืออยู่หรือไม่

Key Points 

  • เหตุการณ์แลกเปลี่ยนการโจมตีระหว่างอิหร่าน - ปากีสถาน ส่งผลให้สถานการณ์ชายแดนสองประเทศยังไม่นิ่ง และอาจเกิดเหตุลุกลามบานปลายขึ้นรวดเร็ว หากกลุ่มจาอิช อัล อัดล์ เอาคืนและตอบโต้กลับอิหร่านบ้าง
  • มีความเป็นไปได้ที่สงครามทางตอนเหนือ บริเวณชายแดนอิสราเอล - เลบานอน จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เพราะมีแนวโน้มใช้ความรุนแรงสูงขึ้นเท่าที่เคยมีมา
  • ถึงอย่างไร พื้นที่อื่นๆในตะวันออกกลาง ยังคงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะการที่ประเทศหนึ่งโจมตีอีกประเทศหนึ่ง ยังเกิดขึ้นอยู่ในหลายดินแดน ตลอดสัปดาห์นี้

 

สำนักข่าวบีบีซีได้สรุปรวบรวมสถานการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในภูมิภาคตะวันออกกลาง ตลอดรอบสัปดาห์ ซึ่งมีการยิงขีปนาวุธตอบโต้ระหว่างคู่ขัดแย้งรายใหญ่หลายคู่  นี่เป็นข้อควรระวังต่อเหตุการณ์ และคาดการณ์สิ่งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

1.อิหร่าน-ปากีสถาน

อิหร่านโจมตีด้วยขีปนาวุธและโดรนในดินแดนปากีสถานอย่างไม่คาดคิด เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (16 ม.ค.) โดยอ้างว่ามุ่งเป้าไปที่กลุ่มติดอาวุธซุนนี จาอิช อัล อัดล์ ซึ่งได้ก่อเหตุความรุนแรงในอิหร่านก่อนหน้านี้ ขณะที่ปากีสถานเผยว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ได้คร่าชีวิตเด็ก 2 รายและบาดเจ็บอีกหลายสิบคน เป็นเหตุผลให้ปากีสถานโจมตีกลับในอีกสองวันต่อมา ด้วยการยิงขีปนาวุธใส่ “แหล่งกบดานผู้ก่อการร้าย” บริเวณชายแดนในประเทศอิหร่าน ภายหลังอิหร่านระบุว่า มีผู้หญิง 3 ราย ผู้ชาย 2 ราย และเด็ก 4 รายถูกสังหารจากการกระทำนี้

เหตุการณ์ปะทะกันระหว่างอิหร่าน-ปากีสถาน ได้เพิ่มความตึงเครียดในภูมิภาค เดิมทีประสบวิกฤตการณ์มากมายอยู่ก่อนแล้ว หากแต่การแก้แค้นแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน ส่งผลให้สถานการณ์ชายแดน 2 ประเทศยังไม่นิ่ง และอาจเกิดเหตุลุกลามบานปลายขึ้นรวดเร็ว หากกลุ่มจาอิช อัล อัดล์ เอาคืนและตอบโต้กลับอิหร่าน

5 คู่ขัดแย้งรายใหญ่ เพียงหนึ่งสัปดาห์ แลกขีปนาวุธทั่วตะวันออกกลาง

 

2.เยเมน - สหรัฐ และพันธมิตรในทะเลแดง

สัปดาห์นี้ กองทัพเรือสหรัฐโจมกองกำลังฮูตีในเยเมน ด้วยขีปนาวุธหลายรอบ หลังจากที่กลุ่มกบฏฮูตีโจมตีเส้นทางขนส่งในทะเลแดง ที่มีความสำคัญต่อการค้าโลก

เป็นที่รู้กันว่า ฮูตีเป็น 1 ใน 3 ของกลุ่มติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ซึ่งกบฏฮูตีได้ยกระดับการโจมตีขึ้นในเดือน พ.ย. หลังเกิดสงครามในฉนวนกาซา โดยกลุ่มนี้ให้คำมั่นจะมุ่งเป้าหมายไปที่เฉพาะเรือ ที่เกี่ยวข้องกับอิสราเอล ตราบใดที่กองทัพอิสราเอลยังคงโจมตีรุกรานในฉนวนกาซาอยู่ เพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับปาเลสไตน์

เหตุนี้ ทำให้การขนส่งสินค้าทางเรือทั้งหมดในน่านน้ำสากลของทะเลแดงถูกคุกคาม ซึ่งเป็นเหตุผลให้มหาอำนาจตะวันตกไม่อาจทนดูได้ โดยสหรัฐ และสหราชอาณาจักรที่ได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตร  เริ่มโจมตีทางอากาศครั้งแรกต่อกลุ่มฮูตีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก็เพื่อพยายามขัดขวางขบวนการคุกคามของฮูตี แต่กลุ่มนี้ยังคงเคลื่อนไหวท้าทายอยู่

5 คู่ขัดแย้งรายใหญ่ เพียงหนึ่งสัปดาห์ แลกขีปนาวุธทั่วตะวันออกกลาง

 

3.อิสราเอล - ฮิซบอลเลาะห์ อิหร่าน

สงครามเงาระหว่างศัตรูตัวฉกาจอย่างอิสราเอลและอิหร่าน ได้ยืดเยื้อมานานหลายปี ทวีความร้อนแรงขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (15 ม.ค.) เมื่ออิหร่านยิงขีปนาวุธใส่สำนักงานใหญ่ของหน่วยสายลับมอสสาดของอิสราเอล ตั้งอยู่ที่เมืองเออร์บิล เขตเคอร์ดิสถาน ซึ่งเป็นเมืองกึ่งการปกครองตนเองของอิรัก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย

อิรักถือเป็นพันธมิตรอิหร่าน แต่เป็นศัตรูกับอิสราเอล แต่ทั้งนี้ทางการอิรักได้ออกมาปฏิเสธว่า มอสสาดไม่ได้ตั้งสำนักงานอยู่ที่นั้น และประณามการโจมตีดังกล่าว

5 คู่ขัดแย้งรายใหญ่ เพียงหนึ่งสัปดาห์ แลกขีปนาวุธทั่วตะวันออกกลาง

แล้วทำไมอิหร่านถึงโจมตีดินแดนพันธมิตร ซึ่งอิหร่านบอกว่า การโจมตีนี้ก็เพื่อตอบโต้เหตุสังหารผู้บัญชาการอาวุโสของอิหร่านในซีเรียเมื่อเร็วๆนี้ รวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกลุ่มติดอาวุธ 2 รายที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ได้ถูกสังหารในเลบานอน โดยคนหนึ่งเป็นผู้บัญชาการกลุ่มติดอาวุธฮิซบอลเลาะห์ และอีกคนเป็นรองผู้นำของกลุ่มฮามาสในปาเลสไตน์

ณ ชายแดนอิสราเอล - เลบานอน มักเกิดเหตุปะทะกันระหว่างกองกำลังอิสราเอล และฮิซบอลเลาะห์ที่มีอาวุธหนักครบมือ และได้รับทุนสนับสนุนจากอิหร่าน ทั้งสองต่างโจมตีกันและกันบ่อยครั้ง นับตั้งแต่กลุ่มฮามาสโจมตีอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ถือเป็น “หนึ่งแนวรบที่อันตรายที่สุดในตะวันออกกลาง”

“มีความเป็นไปได้ที่ สงครามทางตอนเหนือ บริเวณชายแดนอิสราเอล - เลบานอน จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เพราะแนวโน้มใช้ความรุนแรงสูงขึ้นเท่าที่เคยมีมา” เสนาธิการทหารอิสราเอลกล่าว

 

4.อิสราเอล - ซีเรีย - อิหร่าน

การโจมตีทางอากาศในกรุงดามัสกัส เมืองหลวงของซีเรียเมื่อวันเสาร์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 10 ราย ตามรายงานกลุ่มสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนซีเรียระบุว่า ในจำนวนนั้นมี 5 คนเป็นสมาชิกอาวุโสของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามระดับสูงของอิหร่าน

ซีเรียและอิหร่าน ต่างกล่าวโทษอิสราเอล โดยเฉพาะอิหร่านสาบานว่า จะทำการแก้แค้นให้ได้

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังการโจมตีที่คล้ายๆกันนี้ รอบกรุงดามัสกัสเมื่อต้นสัปดาห์ก่อน ขณะที่อิสราเอลไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะยอมรับได้ปฏิบัติการทางอากาศหลายร้อยครั้งในซีเรีย เนื่องจากต้องการโจมตีเป้าหมายที่เชื่อมโยงกับอิหร่าน

จนถึงขณะนี้ ซีเรียและอิหร่านยังไม่มีการตอบโต้ที่รุนแรง  พอจะจุดชนวนเป็นวิกฤติครั้งใหม่ในภูมิภาค ท่ามกลางฉากหลัง ตะวันออกกลางถูกสงครามรุมเร้าอยู่นับหลายแห่ง

 

5.อิสราเอล - กาซา

การสู้รบระหว่างอิสราเอลและฮามาส ที่ดุเดือดในฉนวนกาซา ยังคงดำเนินต่อไป ซึ่งสงครามเข้าสู่สัปดาห์ที่ 15 แล้ว ซึ่งนับตั้งแต่วันอาทิตย์ที่แล้ว (14 ม.ค.) มีชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 713 ราย ถูกสังหารจากที่อิสราเอลทิ้งระเบิด ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. เพิ่มขึ้นเกือบ 25,000 ราย ตามรายงานของกระทรวงสาธารณสุขที่ดำเนินการโดยกลุ่มฮามาส ในช่วงเวลาเดียวกัน มีทหารอิสราเอลถูกสังหาร 8 นาย ทำให้มีทหารอิสราเอลเสียชีวิตจากการสู้รบทั้งหมด 188 นาย

เมื่อวันจันทร์ (15 ม.ค.) ตำรวจอิสราเอลจับกุมผู้ต้องสงสัยชาวปาเลสไตน์ 2 คนในเขตยึดครองเวสต์แบงก์ ก่อเหตุขับรถพุ่งชนและไล่แทงเจ้าหน้าที่ เป็นเหตุให้ผู้หญิงเสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บอีก 17 คน ฮามาสชื่นชมการกระทำดังกล่าวที่ถือเป็นการโจมตีภายในอิสราเอลครั้งแรกๆ นับตั้งแต่เกิดสงครามกาซา

นี่เป็นหนึ่งในเหตุการณ์แฝงตัวโจมตีในกลุ่มประชาชน ได้สร้างความวิตกกังวลในหมู่ชาวอิสราเอลเพิ่ม ท่ามกลางความรู้สึกยังผวาจากการโจมตีด้วยอาวุธหนัก ตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา

เฉพาะในเขตยึดครองเวสต์แบงก์มีความรุนแรงเพิ่มขึ้นมาก อิสราเอลได้โจมตีทางอากาศเมื่อวันพุธ (17 ม.ค.) คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ 9 ราย โดยที่อิสราเอลอ้างว่า ในจำนวนนั้นอย่างน้อย 5 คนกำลังวางแผนโจมตีในเร็วๆ นี้

ถึงอย่างไร พื้นที่อื่นๆในตะวันออกกลาง ยังคงต้องติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด เพราะการที่ประเทศหนึ่งโจมตีอีกประเทศหนึ่ง ยังเกิดขึ้นอยู่หลายพื้นที่ ตลอดสัปดาห์นี้

โดยเมื่อวันจันทร์ (15 ม.ค.) ตุรกีปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเพื่อสกัดกลุ่มติดอาวุธชาวเคิร์ด ทางตอนเหนือของอิรัก รวมถึงชาวเคิร์ดที่เป็นกลุ่มพันธมิตรติดอาวุธได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐ ในทางตอนเหนือของซีเรีย

การโจมตีครั้งล่าสุดเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งที่สร้างเหตุนองเลือดมายาวนานหลายทศวรรษ ระหว่างตุรกีกับชาวเคิร์ดจำนวนมาก พอที่จะจัดให้เป็นองค์กรก่อการร้าย

5 คู่ขัดแย้งรายใหญ่ เพียงหนึ่งสัปดาห์ แลกขีปนาวุธทั่วตะวันออกกลาง

นอกจากนี้ ยังมีรายงานด้วยว่า ครั้งหนึ่งได้มีการโจมตีเรือนจำใช้คุมขังนักโทษไอเอสมากกว่า 3,000 คน

อีกด้านหนึ่ง ในพื้นที่ชายแดนจอร์แดนติดกับซีเรีย แม้ไม่เกิดเหตุโจมตีทางอากาศขึ้นบ่อยนัก แต่มีรายงานว่า มีผู้เสียชีวิต 10 รายรวมทั้งมีเด็กด้วย คาดว่า การโจมตีมุ่งไปที่ขบวนการลักลอบขนยาเสพติด โดยจอร์แดนได้กล่าวหากองกำลังติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านในซีเรีย เป็นกลุ่มค้ายาแอมเฟตามีนเคปตากอน เข้าไปยังจอร์แดน เพื่อผ่านไปยังประเทศแถบอ่าวอาหรับ

ส่วนในอิรัก กองทัพสหรัฐเปิดเผยว่า มีเจ้าหน้าที่หลายคนกำลังอยู่ในระหว่างการประเมินอาการบาดเจ็บทางสมอง หลังกลุ่มติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านยิงขีปนาวุธและจรวดถล่มฐานทัพอากาศที่อัลอะซาด อย่างน้อยมีทหารอิรักบาดเจ็บหนึ่งนาย

ที่มา : BBC