จีนเตือนชาวไต้หวันเลือกผู้สมัครที่'ใช่'ก่อนเปิดหีบหย่อนบัตรเสาร์นี้

จีนเตือนชาวไต้หวันเลือกผู้สมัครที่'ใช่'ก่อนเปิดหีบหย่อนบัตรเสาร์นี้

จีนเตือนชาวไต้หวันเลือกผู้สมัครที่'ใช่'ก่อนเปิดหีบหย่อนบัตรเลือกตั้งประธานาธิบดีวันเสาร์นี้ ขณะชาวไต้หวันรุ่นใหม่และคนวัยทำงานมองว่า ไต้หวัน มีปัญหาใกล้ตัวที่เกี่ยวข้องกับประชาชนโดยตรง ที่ควรได้รับการแก้ไขหลายอย่างมากกว่าเรื่องความขัดแย้งกับจีน

กระทรวงกิจการไต้หวันของจีน แถลงเตือนชาวไต้หวัน ให้เลือกผู้สมัครชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีที่ถูกต้อง ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่กำลังจะมาถึงในวันที่ 13 ม.ค. นี้ ซึ่งผู้ชนะจะตัดสินชะตาของดินแดนแห่งนี้ว่าจะขยับเข้าใกล้จีนมากขึ้น หรือห่างออกไป

แถลงการณ์ระบุด้วยว่า ชัยชนะของนายวิลเลียม ไล่ ตัวแทนจากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า(ดีพีพี) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล เป็นอันตรายต่อความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันและจีนแผ่นดินใหญ่ และจะพาไต้หวันออกห่างจากสันติและความเจริญรุ่งเรืองมากขึ้น ถึงขั้นเข้าใกล้สงครามและการเสื่อมถอย
 

ทั้งนี้ นายไล่ มีคะแนนนิยมนำอยู่เล็กน้อย เรียกร้องให้ผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียง เลือกเส้นทางที่ถูกต้อง เพื่อรักษาอธิปไตยของไต้หวัน ขณะที่คู่แข่งหลักของเขาอย่างนาย โหว โหย่วอี๋ จากพรรคก๊กมินตั๋ง (เคเอ็มที) ซึ่งต้องการพาไต้หวันเข้าใกล้จีนมากขึ้น ระบุว่า นายไล่เป็นอันตรายต่อความสัมพันธ์กับจีน
 

ชาวไต้หวันจำนวนมากมองว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของประเทศที่แยกออกมาจากจีน แต่ส่วนใหญ่ต้องการให้ไต้หวันรักษาสถานะในปัจจุบันคือ ไม่ประกาศแยกตัวเป็นอิสระและไม่ประกาศรวมตัวกับจีน แบบนี้ต่อไป ขณะที่จีนมองว่าไต้หวันเป็นมณฑลของพวกเขาที่แยกตัวออกไป และจะกลับมารวมกันอีกครั้งในสักวันหนึ่ง แม้จะต้องใช้กำลังทหาร

ขณะเดียวกัน โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีนก็ออกแถลงการณ์ตำหนิสหรัฐ ที่เตือนจีนว่าอย่าสร้างความตึงเครียดก่อนถึงวันเลือกตั้งในวันเสาร์นี้ และว่าสหรัฐจะส่งผู้แทนอย่างไม่เป็นทางการไปยังไต้หวัน หลังจากลงคะแนนเสียงเสร็จสิ้น

อย่างไรก็ตาม คนรุ่นใหม่และคนวัยทำงานในไต้หวัน มองว่า ไต้หวันมีปัญหาใกล้ตัวที่เกี่ยวข้องกับประชาชนโดยตรง ที่ควรได้รับการแก้ไขหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ ค่าแรงที่หยุดนิ่ง หรือปัญหาบ้านราคาแพง โดยปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจของไต้หวัน โตเพียง 1.61% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดในรอบ 8 ปี จากปัญหาการส่งออกส่วนประกอบสินค้าด้านเทคโนโลยีที่น้อยลง ทำให้มีคนตกงานมากขึ้น และมีรายได้น้อยลง สวนทางกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น