แอปเปิ้ล ยื่นอุทธรณ์ หลังสหรัฐแบนนำเข้า Apple Watch ก็อปปี้เทคฯวัดออกซิเจน

แอปเปิ้ล อิงค์ บริษัทเทคโนโลยีข้ามชาติสหรัฐ ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งห้ามนำเข้า Apple Watch สมาร์ตวอตช์ของแอปเปิ้ลในวันอังคาร (26 ธ.ค.) หลังจากที่มาซิโม (Masimo) ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ ยื่นร้องเรียนในประเด็นละเมิดสิทธิบัตร ขณะที่คณะบริหารภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐปฏิเสธที่จะใช้สิทธิยับยั้งหรือวีโต้คำสั่งห้ามดังกล่าวภายในช่วงสิ้นคริสต์มาส ทำให้ขณะนี้แอปเปิ้ลต้องระงับการจำหน่าย Apple Watch ซีรีส์ 9 และ Apple Watch Ultra 2 รวมถึง Apple Watch รุ่นใหม่อีกหลายรุ่นที่เข้าข่ายละเมิดสิทธิบัตรในสหรัฐ

โฆษกของแอปเปิ้ลระบุว่า บริษัทได้ยื่นเรื่องอุทธรณ์คำสั่งห้ามดังกล่าวต่อศาลอุทธรณ์แห่งรัฐบาลกลางสหรัฐในกรุงวอชิงตันดีซีเรียบร้อยแล้ว

แอปเปิ้ลระบุในแถลงการณ์เมื่อวันอังคาร (26 ธ.ค.) ว่า “เราไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการตัดสินใจของคณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐ และคำสั่งห้ามดังกล่าว เรากำลังดำเนินการตามมาตรการที่จำเป็นทั้งหมด เพื่อให้สามารถนำเข้า Apple Watch ซีรีส์ 9 และ Apple Watch Ultra 2 ในสหรัฐได้อีกครั้ง และจัดจำหน่ายให้กับลูกค้าได้โดยเร็วที่สุด”

ขณะเดียวกัน แอปเปิ้ลยังได้ยื่นคำร้องฉุกเฉินต่อศาลอุทธรณ์แห่งรัฐบาลกลางสหรัฐ เพื่อขอให้ระงับคำสั่งห้ามนำเข้าเป็นการชั่วคราวอย่างน้อยจนกว่าสำนักงานศุลกากรและป้องกันชายแดนสหรัฐจะตัดสินว่า Apple Watch ปรับปรุงใหม่นั้นละเมิดสิทธิบัตรของมาซิโมหรือไม่ รวมถึงร้องขอให้ระงับคำสั่งห้ามไว้ก่อนในระหว่างที่ศาลพิจารณาการคัดค้านของแอปเปิ้ล โดยคาดว่าสำนักงานศุลกากรจะทำการตัดสินใจในวันที่ 12 ม.ค. 2567

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า มาซิโมอ้างว่า แอปเปิ้ลซื้อตัวพนักงานของบริษัทมาซิโม รวมถึงขโมยเทคโนโลยีการวัดค่าออกซิเจนในเลือดจากชีพจร นำไปใส่ในฟีเจอร์ของ Apple Watch ซึ่งเป็นสมาร์ตวอตช์ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยแอปเปิ้ลเพิ่มฟีเจอร์การวัดออกซิเจนในเลือดเข้าไปใน Apple Watch ตั้งแต่รุ่นซีรีส์ 6 ที่เปิดตัวเมื่อปี 2563

ด้วยเหตุนี้คณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (ITC) จึงได้ออกคำสั่งห้ามนำเข้าและจำหน่าย Apple Watch ที่ใช้เทคโนโลยีการวัดระดับออกซิเจนในเลือด

อย่างไรก็ตาม นางแคทเธอรีน ไท่ ผู้แทนคณะกรรมการการค้าสหรัฐ ตัดสินใจไม่ยกเลิกคำสั่งห้ามดังกล่าว หลังจากที่ได้หารืออย่างรอบคอบแล้ว และยืนยันว่าคำตัดสินของคณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศถือเป็นที่สิ้นสุดในวันที่ 26 ธ.ค.