ส่องความสำคัญ ‘ทะเลแดง’ ต่อการค้าโลก หลังฮูตีโจมตีเรือสินค้าไม่เลือกหน้า

ส่องความสำคัญ ‘ทะเลแดง’ ต่อการค้าโลก หลังฮูตีโจมตีเรือสินค้าไม่เลือกหน้า

ส่องความสำคัญของ “ทะเลแดง” ทางคมนาคมสำคัญที่เชื่อมการค้าขายระหว่าง “เอเชีย” กับ “ยุโรป” รวมไปถึงอิสราเอลเข้าด้วยกัน เมื่อเกิดเหตุกลุ่ม “ฮูตี” ของเยเมน ใช้โดรนโจมตีเรือสินค้าในทะเลแดง จนต้องอ้อมแหลมกู๊ดโฮปที่ใช้ระยะทางเพิ่มขึ้น 6,000 กิโลเมตร แทน

Key Points

  • บริษัทเรือสินค้าที่ถูกโจมตีก็มีตั้งแต่ Mediterranean Shipping Company (MSC), A.P. Moller-Maersk, British Petroleum (BP) ฯลฯ
  • หลายคนอาจคิดว่า ชื่อ “ทะเลแดง” น้ำคงเป็นสีแดงฉาน แต่จริงๆ แล้ว ทะเลแดงมีสีน้ำเงินอมเขียว ในบางช่วงมีสาหร่ายในทะเลนี้เป็นจำนวนมากได้ตายลง จึงเปลี่ยนน้ำทะเลบางส่วนเป็นสีน้ำตาลแดง
  • ทะเลแดงถือเป็นตัวเชื่อมระหว่างเศรษฐกิจ “เอเชีย” กับ “ยุโรป” เข้าด้วยกัน โดย 10% ของการค้าโลกต้องผ่านทะเลแดงนี้


จากเหตุกลุ่มติดอาวุธ “ฮูตี” ของเยเมน ซุ่มโจมตีเรือขนส่งสินค้าในทะเลแดงโดยไม่เลือกเป้าหมาย ซึ่งใช้ตั้งแต่โดรน และขีปนาวุธ แม้ทางกลุ่มฮูตีเผยเหตุผลการโจมตีนี้ว่า เพื่อสนับสนุนกลุ่มฮามาส และสกัดการขนส่งสินค้าต่างๆ ที่จะเป็นการค้าขายกับอิสราเอล แต่เหตุการณ์ดังกล่าวได้สร้างความวิตกกังวลเรื่องความปลอดภัยในหมู่บริษัทชิปปิงทั่วโลกไปแล้ว

สำหรับบริษัทเรือสินค้าที่ถูกโจมตีก็มีตั้งแต่ Mediterranean Shipping Company (MSC) บริษัทขนส่งตู้ทางเรือที่ใหญ่ที่สุดของโลก สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์, A.P. Moller-Maersk บริษัทขนส่งสินค้าทางเรือของเดนมาร์ก, British Petroleum (BP) บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านพลังงาน สัญชาติอังกฤษ ฯลฯ ส่งผลให้บริษัทเหล่านี้ประกาศระงับเดินเรือในทะเลแดงเป็นการชั่วคราว และหันไปวิ่งอ้อม “แหลมกู๊ดโฮป” ของแอฟริกาใต้ซึ่งอยู่ทางใต้สุดของทวีปแอฟริกา ทำให้กินระยะทางเพิ่มขึ้นมากกว่า 6,000 กิโลเมตร และมีระยะเวลาเพิ่มขึ้นกว่า 10 วันแทน

ส่องความสำคัญ ‘ทะเลแดง’ ต่อการค้าโลก หลังฮูตีโจมตีเรือสินค้าไม่เลือกหน้า - เรือขนสินค้าของบริษัท MSC (เครดิต: MaxComm Communication) -

นั่นจึงกลายเป็นจุดน่าสนใจว่า หากทะเลแดงซึ่งตั้งอยู่ระหว่างทวีปแอฟริกา และทวีปเอเชีย และเป็นหนึ่งในเส้นทางขนส่งสินค้าทางเรือแห่งสำคัญที่สุดของโลก เกิดความขัดแย้งยืดเยื้อยาวนานจนกลายเป็นอัมพาตขึ้น จะส่งผลกระทบต่อการค้าโลกอย่างไรบ้าง

ส่องความสำคัญ ‘ทะเลแดง’ ต่อการค้าโลก หลังฮูตีโจมตีเรือสินค้าไม่เลือกหน้า - ทะเลแดง (เครดิต: Shutterstock) -

  • ชื่อทะเลแดง แต่น้ำไม่แดง

หลายคนอาจคิดว่า ชื่อ “ทะเลแดง” (Red Sea) น้ำคงเป็นสีแดงฉาน แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ ทะเลแดงมีสีน้ำเงินอมเขียว แต่ในบางช่วง มีสาหร่าย Trichodesmium erythraeum ที่เติบโตอยู่ในทะเลนี้เป็นจำนวนมากได้ตายลง จึงเปลี่ยนน้ำทะเลบางส่วนเป็นสีน้ำตาลแดง จนกลายเป็นชื่อ “ทะเลแดง”

ส่องความสำคัญ ‘ทะเลแดง’ ต่อการค้าโลก หลังฮูตีโจมตีเรือสินค้าไม่เลือกหน้า

- ความสวยงามของทะเลแดง (เครดิต: Shutterstock) -

ทะเลนี้มีความสำคัญต่อการขนส่งมาก เพราะเรือสินค้าจากเอเชียจะเข้าตลาดยุโรป และอิสราเอล ต้องวิ่งผ่านมหาสมุทรอินเดีย เข้าสู่ “ช่องแคบบับเอลมันเดบ” (Bab-el-Mandeb Strait) ที่แคบมาก กว้างเพียง 32 กิโลเมตร โดยช่องแคบนี้มีเกาะ Perim Island อยู่ตรงกึ่งกลางที่แบ่งทางเดินออกเป็น 2 ช่อง ช่องฝั่งตะวันตก กว้าง 26 กิโลเมตร กับช่องฝั่งตะวันออก กว้าง 3 กิโลเมตร

หลังจากเรือสินค้าผ่านช่องแคบนี้แล้ว ก็จะวิ่งในทะเลแดงต่อไปที่คลองสุเอซของอียิปต์ เพื่อเข้าสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่เชื่อมกับท่าเรือยุโรป และอิสราเอล เส้นทางสายดังกล่าวนี้ ถือเป็นตัวเชื่อมระหว่างเศรษฐกิจ “เอเชีย” กับ “ยุโรป” เข้าด้วยกัน โดย 10% ของการค้าโลกต้องผ่านทะเลแดงนี้

จอห์น สตอว์เพิร์ต (John Stawpert) ผู้จัดการอาวุโสด้านสิ่งแวดล้อม และการค้าจาก International Chamber of Shipping ซึ่งเป็นตัวแทนของบริษัทเรือพาณิชย์ราว 80% ของโลก กล่าวว่า อุปทานพลังงานของยุโรปจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันดิบ เชื้อเพลิงดีเซล น้ำมันปาล์ม ธัญพืชในตู้คอนเทนเนอร์เรือต่างๆ ต้องผ่านเส้นทางนี้ทั้งสิ้น

อาเจย์ ซาไฮ (Ajay Sahai) อธิบดีของ Federation of Indian Export Organizations (FIEO) ซึ่งเป็นหน่วยงานส่งเสริมการส่งออกของภาคเอกชนภายใต้กระทรวงพาณิชย์ของอินเดีย ให้ข้อมูลว่า ความขัดแย้งบริเวณทะเลแดง จะทำให้ค่าขนส่งสินค้าแพงขึ้น เพราะเหล่าเรือสินค้าต้องเปลี่ยนไปอ้อมแหลมกู๊ดโฮปแทน เพิ่มระยะเวลาขนส่งจากเอเชียไปสู่ยุโรป และแถบเมดิเตอร์เรเนียนอีกกว่า 10 วัน โดยรวมแล้ว ต้นทุนขนส่งจะแพงขึ้นอีกราว 30-40%

นอกจากผลกระทบด้านการขนส่งที่เรือสินค้าต้องเปลี่ยนไปอ้อมแหลมกู๊ดโฮปที่มีระยะทางเพิ่มขึ้นมากกว่า 6,000 กิโลเมตรแล้ว ต้นทุนทั้งระยะทาง และเวลาที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว ยังทำให้ต้นทุนน้ำมันเพิ่มขึ้นด้วย โดยในวันที่ 20 ธ.ค.66 สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนม.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX บวก 1.54 ดอลลาร์ หรือ 2.13% สู่ระดับ 74.01 ดอลลาร์/บาร์เรล มาจากแรงหนุนที่คาดการณ์ว่า อุปทานน้ำมันในตลาดโลกอาจได้รับผลกระทบจากกรณีกลุ่มฮูตีโจมตีเรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดง

อ้างอิง: bbcbritannicabritannica(2)voanewsกรุงเทพธุรกิจmarketreutersindiachannelinvesting

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์