นายพลจีน-รัสเซีย ประสานเสียง เตือนต่างชาติปลุกกระแสวุ่นวาย

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงาน สัปดาห์นี้กรุงปักกิ่งของจีนเป็นเจ้าภาพการประชุมเซียงซานฟอรัม รับลูกการประชุมแชงกรีลาไดอะล็อกของสิงคโปร์ มีตัวแทนจาก 90 ประเทศเข้าร่วม รวมถึงเซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรัสเซีย

งานมีขึ้นในช่วงที่จีนไร้รัฐมนตรีกลาโหม เนื่องจากเพิ่งประกาศปลดหลี่ จางฟู่ รมว.กลาโหมเมื่อสัปดาห์ก่อนอย่างไร้คำอธิบาย

พล.อ.จาง โย่วเสีย รองประธานคณะกรรมาธิการการทหารกลาง นายทหารระดับสูงสุดคนหนึ่งของจีนรับหน้าที่กล่าวเปิดงาน ฉายภาพแนวโน้มโลกพร้อมตำหนิหลายประเทศโดยไม่ได้ระบุชื่อว่าสร้างความวุ่นวาย

"ถ้าเรามองไปทั่วโลกในวันนี้ ประเด็นร้อนเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าความเจ็บปวดจากสงคราม ความวุ่นวาย ความโกลาหล และความสูญเสียชีวิตเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่มีบางประเทศที่กลัวว่าโลกจะมีเสถียรภาพจึงได้เจตนาสร้างความวุ่นวาย แทรกแซงประเด็นระดับภูมิภาค แทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่น และยุยงให้เกิดการประท้วงต่อต้านหวังเปลี่ยนแปลงรัฐบาลหรือที่เรียกว่าปฏิวัติสี (color revolutions) ประเทศเหล่านี้ทำเพื่อประโยชน์ที่เห็นแก่ตัว ด้วยการสร้างความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ขึ้นมา จากนั้นก็พร่ำพูดว่าเป็นกลางแต่แท้จริงแล้วเลือกข้าง ทำให้สถานการณ์ระดับภูมิภาคมีความซับซ้อนและยากจะจัดการได้"

จางกล่าวด้วยว่า จีนพยายามปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพกับสหรัฐ ที่ตึงเครียดกันมากเรื่องทะเลจีนใต้และปักกิ่งซ้อมรบรอบเกาะไต้หวัน

“เรายังยินดีที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพจีนกับสหรัฐตามหลักการเคารพซึ่งกันและกัน อยู่ร่วมกันอย่างสันติ และร่วมมือแบบได้ประโยชน์ทุกฝ่าย”

ถัดจากจางถึงคิวแสดงสุนทรพจน์ของชอยกู ที่เตือนเช่นกันว่า วอชิงตันพยายามทำให้เอเชียไร้เสถียรภาพ

“หลังจากยั่วยุให้เกิดวิกฤติขึ้นในยุโรป ชาติตะวันตกพยายามขยายวิกฤตินี้ในเอเชียแปซิฟิก การเข้าไปเกี่ยวข้องโดยตรงกับประเทศที่มีคลังแสงนิวเคลียร์ เป็นการขยายความเสี่ยงเชิงยุทธศาสตร์ขึ้นหลายเท่า ท่าทีของตะวันตกต่อรัสเซียที่ขยายวงออกไป เสี่ยงกลายเป็นความขัดแย้งโดยตรงระหว่างมหาอำนาจที่มีนิวเคลียร์ซึ่งจะส่งผลหายนะตามมา” ชอยกูกล่าว

ที่ผ่านมาจีนไม่เคยประณามรัสเซียรุกรานยูเครน ทั้งยังกระชับความร่วมมือมากยิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็นทางเศรษฐกิจ การทูต หรือการทหารนับตั้งแต่เริ่มต้นสงคราม

เดือนนี้ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียมาเยือนจีนเป็นเวลาสองวัน ถือเป็นการเดินทางออกนอกอดีตสหภาพโซเวียตครั้งแรกของปี และเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามโดยรัฐบาลเครมลินที่จะกระชับความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจทั่วเอเชีย

ส่วนจางนั้นตอบรับถ้อยแถลงของชอยกูนอกรอบการประชุม ให้คำมั่นว่า ปักกิ่งจะ “กระชับความร่วมมือทางยุทธศาสตร์และความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพจีนและรัสเซียให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น”