กต.ไม่ยืนยันเสียชีวิต 13 รายล่าสุดมีคนไทยหรือไม่ พรุ่งนี้มาถึงไทยอีก 100 คน

กต.ไม่ยืนยันเสียชีวิต 13 รายล่าสุดมีคนไทยหรือไม่ พรุ่งนี้มาถึงไทยอีก 100 คน

กระทรวงต่างประเทศเผยจับตาสถานการณ์อิสราเอลเตรียมบุกภาคพื้นดินอย่างใกล้ชิด ส่วนตัวประกันที่เสียชีวิตล่าสุด 13 คน ยังไม่สามารถระบุสัญชาติได้ ยืนยันฮามาสไม่ได้มุ่งเป้าเล็งคนไทยเป็นพิเศษ ขณะทุกฝ่ายเร่งประสานหาเครื่องบินอพยพคนไทยกลับบ้านเพิ่ม

นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงวันนี้ (14 ต.ค.) ว่า กรณีที่มีรายงานข่าว ตัวประกันเสียชีวิต ล่าสุดอีก 13 คน จากการที่อิสราเอลออกปฏิบัติการทางอากาศในพื้นที่ฉนวนกาซานั้น ยังไม่สามารถระบุได้ว่ามีคนไทยหรือไม่ เพราะยังไม่มีการเปิดเผยรายชื่อ ทางกระทรวงฯ จะติดตามรายละเอียดเพื่อแจ้งความคืบหน้าต่อไป

ส่วนกรณีที่กองทัพส่งกำลังพลเข้าไปในฉนวนกาซาเพื่อค้นหาตัวประกันนั้น ทางผู้ประสานงานเรื่องตัวประกันได้แจ้งว่าอิสราเอลมีความพยายามทางการทูตเพื่อนำตัวประกันออกมา แต่ในภาวะสงครามยังทำได้ยาก ต้องใช้เวลา ขณะนี้มีการเจรจาเพื่อขอให้ส่งสิ่งของจำเป็นให้ตัวประกัน แต่ยังไม่มีการรับประกันว่ากลุ่มติดอาวุธฮามาสจะตกลงหรือไม่ 

นางกาญจนาตอบคำถามผู้สื่อข่าวด้วยว่า กรณีมีข่าวจากผู้ที่รอดชีวิตกลับมาว่ากลุ่มฮามาสมีการพูดภาษาไทยเพื่อล่อตัวประกันคนไทยนั้น คิดว่าคนไทยไม่ได้เป็นเป้าหมายพิเศษ ในสถานการณ์สงครามอาจเต็มไปด้วยความวุ่นวาย แต่ที่รับฟังจากฝ่ายต่างๆ มาคือคนต่างชาติไม่น่าเป็นเป้าหมายในการทำร้ายของกลุ่มฮามาส

สำหรับสถานการณ์ในพื้นที่ยังมีความรุนแรง และมีความห่วงกังวลกรณีที่อิสราเอลจะออกปฏิบัติการภาคพื้นดิน หลังประกาศขอให้พลเรือนตอนเหนือของกาซ่าอพยพลงใต้ ในแง่การดำเนินการยุทธการทางทหาร หากมีปฏิบัติการภาคพื้นก็จะกระทบทุกคน ตัวประกันอาจถูกแยกออกไปกระจายตัวตามอุโมงค์ใต้ดิน แต่จากข่าวคือสหรัฐขอให้อิสราเอลชะลอการบุกภาคพื้นดินไปก่อน เช่นเดียวกับทางสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เพราะการให้คนนับล้านอพยพภายในกำหนดเดิม 24 ชม. ก่อนหน้านี้แทบจะเป็นไปไม่ได้ และมีการอพยพจริงน้อยมาก

ทางกระทรวงการต่างประเทศ รู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่มีคนไทยเสียชีวิตเพิ่มอีก 3 ราย รวมเป็น 24 ราย หลังได้รับแจ้งจากทางการอิสราเอล และมีคนไทยได้รับบาดเจ็บอีก 2 คน รวมเป็น 16 คน ส่วนผู้ที่ถูกจับเป็นตัวประกันยังมีจำนวนอยู่ที่ 16 คนเท่าเดิม

สำหรับการนำร่างผู้เสียชีวิตกลับประเทศนั้นยังต้องใช้เวลา ทางกระทรวงฯ และสถานเอกอัคราชทูตไทยประจำอิสราเอลได้ติดต่อผู้จัดการที่ดูแลเรื่องผู้เสียชีวิตชาวต่างชาติ ให้เร่งรัดกระบวนการส่งศพกลับภูมิลำเนาแล้ว ซึ่งทางผู้จัดการตระหนักดี แต่เนื่องจากมีศพผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากจึงอาจต้องใช้เวลา และกระบวนการพิสูจน์อัตลักษณ์ในช่วงภาวะสงครามจะยิ่งใช้เวลานานขึ้น

ทั้งนี้รัฐบาลอิสราเอลจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการส่งร่างผู้เสียชีวิตกลับประเทศ 

พรุ่งนี้คนไทย 100 คนเดินทางกลับถึงบ้าน

กต.ไม่ยืนยันเสียชีวิต 13 รายล่าสุดมีคนไทยหรือไม่ พรุ่งนี้มาถึงไทยอีก 100 คน

พรุ่งนี้ (15 ต.ค.) กลุ่มคนไทยในอิสราเอลอีกประมาณ 100 คน จะเดินทางกลับมาถึงประเทศไทย โดยได้ขึ้นเครื่องบินของสายการบินฟลายดูไบ ไปเปลี่ยนเครื่องที่ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ มีกำหนดจะเดินทางมาถึงสนามบินอู่ตะเภาในเวลา 07.25 น. พรุ่งนี้ โดยมีผู้ว่าราชการจ.ระยอง และผู้แทนกองทัพเรือให้การต้อนรับคนไทยกลับบ้าน 

แต่ทั้งนี้จะไม่มีการให้สัมภาษณ์กับสื่อเพราะต้องการให้เดินทางต่อไปถึงกรุงเทพฯ โดยเร็วที่สุด ซึ่งคาดว่าทั้งหมดจะเดินทางถึงโรงแรมเอสซีปาร์ก (SC Park) ในเวลาประมาณ 10.00 น. แต่จำนวน 100 คนนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ เนื่องจากมีผู้ที่เปลี่ยนใจแจ้งขออยู่ต่ออีก 2 คน และมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าขึ้นเครื่อง

กต.ไม่ยืนยันเสียชีวิต 13 รายล่าสุดมีคนไทยหรือไม่ พรุ่งนี้มาถึงไทยอีก 100 คน

ขณะที่วันพรุ่งนี้จะมีการอพยพคนไทยอีกรอบด้วยเครื่องบินของกองทัพอากาศ โดยจะออกจากสนามบินในกรุงเทลอาวีฟในเวลา 13.00 น. คาดว่าจะมาถึงท่าอากาศยาน บน.6  ในวันที่ 16 ต.ค. เวลา 04.40 น. จำนวนทั้งสิ้น 137 คน ทั้งนี้ ทางกระทรวงฯ และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกำลังพยายามหาเครื่องบินเช่าเหมาลำและเครื่องของสายการบินต่างๆ เพื่ออพยพคนไทยเพิ่ม โดยตั้งเป้าจะอพยพให้ได้วันละ 400 คน 

สำหรับวันถัดไปจะมีการอพยพคนอีกประมาณ 250 คน ผ่านสายการบิน El Al Israel Airlines และทางรัฐบาลจะจัดเที่ยวบิพิเศษของกองทัพไทย และการบินไทยบินไปอีกอย่างต่อเนื่อง และการดารคุยกับสารการบินอื่นๆ เพิ่มเติม

สำหรับผู้ที่แสดงความประสงค์จะขอเดินทางกลับประเทศไทย อยู่ที่ 7,058 ราย แต่มีบางส่วนที่กรอกซ้ำและบางส่วนแสดงความประสงค์อยู่ต่อ สถานทูตฯ กำลังตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้ง โดยผู้ที่ประสงค์จะอยู่ต่อมีจำนวน 85 ราย (ลดลงจากเมื่อวาน)

ทั้งนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะเป็นประธานในการประชุมศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉิน ณ ห้องวิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ ในเวลา16.00 น. เพื่อติดตามการทำงานของทุกหน่วยงาน และติดตามพัฒนาการของสถานการณ์